หลายคนอาจมีความเชื่อเกี่ยวกับเครื่องดื่มชนิดต่างๆ เช่น การดื่มน้ำอัดลมนั้นจะทำให้อ้วน เพราะมีน้ำตาลมากกว่าเครื่องดื่มอื่นๆ เป็นต้น แต่ความจริงแล้วความเชื่อเหล่านั้นเราอาจเข้าใจผิดมาโดยตลอดก็ได้นะ
ดังนั้นวันนี้เราจึงมี 12 ความเชื่อ VS ความจริง ของเครื่องดื่มที่หลายคนมักเข้าใจผิดมาตลอด มาฝาก จะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลย
.
1. โค้ก VS น้ำผลไม้
.
ความเชื่อ : โค้กมีน้ำตาลมากกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ
ความจริง : โค้กมีน้ำตาลน้อยกว่าน้ำผลไม้บางชนิดถึง 10 %
.
2. โค้ก (อีกครั้ง)
.
ความเชื่อ : โค้กมีกรดมากจนสามารถย่อยชิ้นเนื้อได้ภายใน 2-3 วัน
ความจริง : โค้กไม่สามารถย่อยเนื้อได้ แต่สามารถใช้หมักเนื้อได้
.
3. ชา
.
ความเชื่อ : ชาที่ต้มในกา สามารถเก็บไว้ได้ถึง 24 ชม.
ความจริง : ชาที่ดีควรจะดื่มทันทีที่ชงเสร็จ มิเช่นนั้นอาจเกิดสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
.
4. ชาดำ VS ชาเขียว
.
ความเชื่อ : ชาทุกชนิดนั้นต้องต้มด้วยน้ำที่เดือดเต็มที่
ความจริง : ชาดำสามารถต้มด้วยน้ำที่เดือด 90 องศา ส่วนชาเขียว 70 องศา
.
5. กาแฟ VS ชา
.
ความเชื่อ : กาแฟนั้นมีปริมาณคาเฟอีนมากกว่าชา
ความจริง : ชาร้อนแบบคุณภาพเยี่ยมจะมีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่ากาแฟ
.
6. นม
.
ความเชื่อ : เด็กๆ เท่านั้นที่ควรดื่มนมมากๆ
ความจริง : ทุกคน ทุกวัย ควรดื่มนม ยกเว้นคนที่มีอาการแพ้น้ำตาลแลคโตส
.
7. นม (อีกครั้ง)
.
ความเชื่อ : เวลาที่ป่วยควรจะดื่มนมเยอะๆ
ความจริง : นมทำให้น้ำมูกนั้นมีความข้นมากขึ้น และสั่งน้ำมูกออกมายากลำบากกว่าเดิม
.
8. เบียร์
.
ความเชื่อ : เบียร์แรงๆ มักใส่เหล้าผสมลงไปด้วย
ความจริง : ยีสต์สามารถผลิตเบียร์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงได้ถึง 13% โดยที่ไม่ต้องผสมเหล้าลงไปเลย
.
9. เบียร์ (อีกครั้ง)
.
ความเชื่อ : ดื่มเบียร์มากๆ ทำให้อ้วน
ความจริง : เบียร์นั้นเป็นเครื่องดื่มที่ไขมันต่ำ ส่วนกับแกล้มต่างหากที่ทำให้อ้วน
.
10. น้ำผลไม้
.
ความจริง : ดื่มน้ำผลไม้จะช่วยดับกระหายได้
ความเชื่อ : น้ำเปล่าอย่างเดียวเท่านั้นที่ช่วยดับกระหายได้ เนื่องจากร่างกายจะรับรู้น้ำผลไม้ที่ดื่มเข้าไปเหมือนกับอาหารที่กินเข้าไป
.
11. น้ำผลไม้ (อีกครั้ง)
.
ความเชื่อ : ควรดื่มน้ำผลไม้ 1 แก้ว ในตอนเช้า
ความจริง : ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ตอนท้องว่าง เพราะกรดในน้ำผลไม้อาจส่งผลกระทบต่อกระเพาะอาหารได้
.
12. น้ำเปล่า
.
ความเชื่อ : ควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
ความจริง : ยังไม่มีข้อมูลใดพิสูจน์ในเรื่องนี้ได้ และการรับปริมาณของร่างกายแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
.
ที่มา : brightside