เมื่อไม่นานมานี้ เราเคยนำเสนอเรื่องราวของชายหนุ่มสิงคโปร์คนหนึ่ง ที่แชร์วิธีการออกกำลังกายแบบ “ไซตามะ” ซึ่งเป็นตัวเอกในการ์ตูนเรื่อง One Punch Man ที่ฝึกฝนร่างกายด้วยการออกกำลังกายอย่างหนักทุกวัน เป็นเวลา 3 ปี จนผมร่วงหมดหัว
โดยเขาจะต้องวิดพื้น 100 ครั้ง ซิตอัป (squats) 100 ครั้ง ลุกนั่ง 100 ครั้ง และวิ่ง 10 กิโลเมตร ในทุก ๆ วัน
ข่าวก่อนหน้า >> ชายหนุ่มออกกำลังกายแบบในการ์ตูน “One Punch Man” 30 วัน ผลลัพธ์ที่ได้จะว้าวแค่ไหน
คลิปดังกล่าวที่เป็นกระแสให้คนหันมาลองทำตาม
Trained like Superhero for 30 Days
I Trained Like Superhero (1 Punch Man) For 30 DaysJoin us in this (accountability) group https://www.facebook.com/groups/onepunchworkout/And lets do this challenge for 2019And watch the 8 facts before you start the workout!https://youtu.be/M1j3fD7An-c
โพสต์โดย Sean Seah เมื่อ วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม 2019
หลังจากคลิปได้ถูกแชร์ต่อกันไป จึงกลายมาเป็นชาเลนจ์ที่คนที่คิดอยากจะลดหุ่นตัวเองได้ลองทำตามจำนวนมาก
และเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2019 ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวมาเลเซียชื่อว่า @Aweeff ได้ทวีตข้อความเล่าถึงเพื่อนของเขาที่ได้ชาเลนจ์ด้วยการออกกำลังกายแบบนี้เป็นเวลา 2 เดือน จนถึงขั้นทำให้ข้อเท้าหัก
“เพื่อนที่ทำงานของผมมีน้ำหนัก 78 กิโลกรัม แต่หลังจากออกกำลังกายแบบ One Punch Man น้ำหนักตัวก็ลดมาเหลือ 65 กิโลกรัม ภายใน 2 เดือน แต่เป็นเรื่องเศร้าที่เขาข้อเท้าหักจนต้องหยุดพัก 8 สัปดาห์”
Officemate aku berat dr 78kg turun 65kg dlm 2 bulan buat "One Punch Man Workout Challenge". Tp malangnya, dia terpaksa berehat 8 minggu sbb ankle fractures.
Workout jenis ini sgt intensif sbb everyday kena workout. Aku nak pesan, tahu limit body masing², jgn hentam sembarangan
— Cikgu (@Aweeff) March 25, 2019
และเขาได้ฝากเตือนถึงคนอื่นที่อยากลองทำตาม เพราะการออกกำลังกายแบบนี้จะหนักมาก เพราะต้องทำทุกวัน ดังนั้นควรจะรู้ขีดจำกัดร่างกายของตัวเองว่ารับได้แค่ไหน และไม่ควรฝืนเด็ดขาด
ภาพประกอบเนื้อหาในบทความ
สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายควรจะเริ่มจำนวนครั้งละน้อย ๆ ก่อน อย่างเช่น
วิดพื้น 20 ครั้ง ซิตอัป (squats) 20 ครั้ง ลุกนั่ง 20 ครั้ง และวิ่ง 2 กิโลเมตร และค่อยเพิ่มระดับความเข้มข้นขึ้นไปเรื่อย ๆ ในวันต่อไป เพราะหากฝืนมากไป ผลที่ได้จะไม่คุ้มกับผลที่เสียเด้อ
ที่มา : @Aweeff , worldofbuzz