เม็กซิโกพบซากแมมมอธ 14 ตัว อยู่ในหลุมดักที่มนุษย์สร้างขึ้นเมื่อ 15,000 ปีก่อน

“แมมมอธ” สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ในยุคดึกดำบรรพ์ ได้สูญพันธุ์ไปเมื่อประมาณ 13,000 ปีก่อน แต่มีรายงานว่า มีการขุดค้นพบโครงกระดูกสัตว์ดึกดำบรรพ์ครั้งใหญ่ จนเป็นข่าวคึกโคมในต่างประเทศในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

สถาบันโบราณคดีและประวัติศาสตร์แห่งชาติเม็กซิโก (INAH) ได้ค้นพบซากโครงกระดูกแมมมอธจำนวน 14 ตัว อยู่ในหลุมลึก 2 แห่งที่เมือง Tultepec ทางตอนเหนือของกรุงเม็กซิโกซิตี

ทีมนักโบราณคดีเชื่อว่า พวกมันตายในหลุมกับดักที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อไว้ล่าเจ้าสัตว์ดึกดำบรรพ์นี้มาเป็นอาหารและเครื่องมือเครื่องใช้ เมื่อช่วงประมาณ 15,000 ปีก่อน โดยในหลุมทั้ง 2 แห่ง มีชิ้นส่วนกระดูกกระจัดกระจายอยู่ 824 ชิ้น และใช้เวลานานกว่า 10 เดือนในการขุดค้น ประกอบชิ้นส่วน และนำมาวิจัยจนเสร็จ

ส่วนสาเหตุที่มีการค้นพบหลักฐานในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีผู้ค้นพบซากของมันโดยบังเอิญ ขณะที่กำลังเตรียมหน้าดินเพื่อทำสถานที่ทิ้งขยะ

การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นหลักฐานว่า มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสต์รู้จักการวางแผนล่ามายาวนาน โดยจะใช้อาวุธวิ่งไล้ต้อนพวกมันให้วิ่งไปลงหลุมที่ขุดดักไว้ ซึ่งมีความลึก 1.7 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 25 เมตร และจากการตรวจสอบพบว่า แมมมอธบางตัวถูกชำแหละไม่มีชิ้นดี และมีร่องรอยถูกแทงด้วยหอกที่หน้าผาก

Luis Córdoba Barradas หัวหน้าทีมขุดค้นกล่าวว่า นับว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่พบหลักฐานเป็นกับดักที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อไว้ล่าโดยเฉพาะ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการล่าสัตว์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ การรวมกลุ่มของมนุษย์ในอดีต และสัตว์กินพืชขนาดใหญ่

แต่ก็เป็นเรื่องน่าแปลกว่า กระดูกสะบักข้างซ้ายหายไปจากซากช้างแมมมอธทุกตัวที่พบในหลุมดักแห่งนี้ ซึ่งนักโบราณคดีก็ยังไม่ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุใดกันแน่

นอกจากนี้ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ยังมีการค้นพบกระดูกกรามและกระดูกสันหลังของอูฐ รวมถึงฟันของม้าบางส่วน ที่รัฐ Puebla ในเม็กซิโก ซึ่งปัจจุบันสัตว์ทั้ง 2 ชนิดได้สูญพันธุ์ไปจากทวีปอเมริกาแล้ว

ที่มา : thegaurdian , dailymail , bbc