ว่ากันด้วยเรื่องสายรัดข้อมืออัจฉริยะ Fitbit ไอเท็มที่สายสุขภาพต้องมีติดตัวไว้สักชิ้น ฟังก์ชันหลัก ๆ ของมันก็มีไว้เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่ว่าเราจะทำกิจกรรมอะไรอยู่ เพื่อจะนำข้อมูลที่ได้มาคำนวณแคลอรี่ที่ใช้ไปในแต่ละวัน และยังสามารถซิงก์ข้อมูลกับสมาร์ตโฟนที่ใช้อยู่เพื่อติดตามผลได้ตลอด
แต่เจ้าอุปกรณ์ไฮเทคชิ้นนี้ก็ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งต้องพบกับความจริงที่น่าเจ็บปวด
เรื่องราวเริ่มขึ้นจาก Jane Slater ผู้สื่อข่าวกีฬาอเมริกันฟุตบอล ได้โพสต์ทวิตเตอร์ส่วนตัวเล่าถึงพฤติกรรมผิดปกติของอดีตแฟนหนุ่ม เมื่อจู่ ๆ สายรัดข้อมืออัจฉริยะของเธอมีข้อความแจ้งเตือนว่า มีกิจกรรมการออกกำลังกายเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเธอจะไม่แปลกใจเลยถ้าขณะที่ข้อความเด้งขึ้นมานั้นไม่ใช่เวลาตอนตี 4
Jane เล่าว่า แฟนเก่าของเธอซื้อสายรัดข้อมือ Fitbit ให้เป็นของขวัญวันคริสต์มาส โดยหวังที่จะช่วยส่งเสริมเรื่องการดูแลสุขภาพ และสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายให้กันและกัน รวมถึงทั้งคู่ยังซิงก์ข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อดูข้อมูลการออกกำลังกายของแต่ละฝ่าย และมันก็เป็นไปด้วยดี จนกระทั่งเช้ามืดของวันหนึ่ง
เป็นเวลาเกือบตี 4 ที่มีข้อความแจ้งเตือนว่ามีการออกกำลังกายเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ และในคืนนั้นเธอกับแฟนเก่าก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ที่สำคัญเธอยืนยันว่า แฟนเก่าของเธอไม่ได้ไปสมัครคอร์สออกกำลังกายตอนตี 4 ที่ไหนแน่นอน
An Ex Boyfriend once got me a Fitbit for Christmas. I loved it. We synched up, motivated each other… didn’t hate it until he was unaccounted for at 4am and his physical activity levels were spiking on the app ?wish the story wasn’t real. https://t.co/npRkLJYYz0
— Jane Slater (@SlaterNFL) December 5, 2019
เหตุการณ์ทำนองนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ แฟนคนก่อนของเธอก็ยังเคยพาผู้หญิงเข้ามาในบ้านหลังจากดื่มมาหนัก ทั้ง ๆ ที่เธอเองยังนอนอยู่ชั้นบน จนตัวเธอเองได้บอกว่า สามารถเอาเรื่องราวสุดช้ำของเธอไปเขียนหนังสือได้เลย
หลังจากทวิตของเธอได้เผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตหลายคนเข้ามาร่วมให้กำลังใจและเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอ แต่ก็มีบางคนมองโลกในแง่ดี
ชาวเน็ตคนหนึ่งบอกว่า เธออาจจะด่วนสรุปเร็วไปหน่อยก็ได้ จริง ๆ เรื่องราวอาจไม่ได้มีอะไร แฟนเก่าของเธออาจเคยเป็นนักกีฬาตอนสมัยเรียน และเกิดฟิตอยากจะลุกขึ้นมาวิ่งตอนตี 4 ก็เป็นได้
หรือไม่แน่ว่าเขาอาจจะลืม Fitbit ไว้ในกระเป๋ากางเกงยิมแล้วเผลอนำไปซักก็ได้นะ แอปมันเลยตรวจพบว่ามีการเคลื่อนไหว (ในเครื่องซักผ้า) เกิดขึ้น
ที่มา : @SlaterNFL , unilad