เด็กสาววัย 15 ป่วยโรคหน้าแก่ ถูกบูลลี่เป็นสิบปี ผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้า เปลี่ยนชีวิตใหม่

นี่คือเรื่องราวของเด็กสาววัย 15 ปีคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคประหลาด ทำให้ต้องทนทุกข์กับการถูกบูลลี่จากผู้คนรอบข้างต่าง ๆ นานา ช่วงชีวิตในวัยเด็กของเธอจึงไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว แต่โลกก็ไม่ได้โหดร้ายไปซะหมด เมื่อมีผู้ใจบุญต่างหยิบยื่นความช่วยเหลือ ทำให้ชีวิตของเธอต่อจากนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เสี่ยวเฟิง (Xiaofeng) เด็กสาวจากมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน ผู้ที่ป่วยเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ตั้งแต่ตอนอายุได้ 1 ขวบ เธอมีผิวหนังที่เหี่ยวย่นราวกับหญิงวัยชรา ทั้งที่มีอายุเพียงแค่ 15 ปี ทำให้เธอต้องขังตัวเองอยู่แต่ในบ้าน ไม่กล้าที่จะออกไปพบปะผู้คน แม้แต่ตอนเรียนอยู่ชั้นประถม ก็มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ปกครองของนักเรียนคนอื่น จนเธอทนไม่ไหวต้องลาออกจากโรงเรียนในที่สุด

“บางครั้งคนอื่นก็เรียกฉันว่า ‘ป้า’ หรือ ‘ยาย’ มันทำให้ฉันเศร้าทุกครั้ง

“ถ้าหากฉันสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของฉันได้ ฉันก็อยากกลับไปเรียน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนสวย ฉันแค่อยากเป็นเหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่น ๆ และใช้ชีวิตโดยที่ไม่ถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด”

จนกระทั่งในปี 2019 เสี่ยวเฟิงตัดสินใจเขียนจดหมายถึง กัว หมิงอี้ (Guo Mingyi) รองประธานสหพันธ์แรงงานของจีน เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งชายใจบุญก็ตบปากรับคำทันที โดยเป็นหัวเรือในการระดมเงินทุนจากผู้ใจบุญ และเป็นธุระในการติดต่อไปที่โรงพยาบาล ทำให้มีผู้บริจาคเข้ามามากกว่า 190,000 หยวน หรือราว 850,000 บาท

นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลยังยินดีลดค่าผ่าตัดให้อีก 70% จากค่าใช้จ่ายทั้งหมด 500,000 หยวน (2.2 ล้านบาท)

ในที่สุด เสี่ยวเฟิงก็มีเงินจำนวนมากพอ และเข้ารับการผ่าตัดเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2019 โดยระดมทีมศัลยแพทย์ 10 คน วิสัญญีแพทย์ 3 คน และพยาบาลอีก 5 คน มาร่วมกันผ่าตัดผิวหนังส่วนเกินหนากว่า 7 เซนติเมตรออกจากใบหน้าของเด็กสาว และปรับรูปทรงของตา คิ้ว ปากของเธอให้ใหม่

ดร.ฉี หลิงจี้ (Shi Lingzhi) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศัลยกรรมเสิ่นหยาง ซันไลน์ ระบุว่า เสี่ยวเฟิงป่วยเป็นโรคโปรเจเรีย หรือโรคชราในเด็ก เป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก ซึ่งมีโอกาสพบได้ 1 ใน 8 ล้านคน ในกรณีของเสี่ยวเฟิง นับว่าโชคดีที่มีอาการเฉพาะที่ผิวหนัง และไม่ลามไปยังอวัยวะภายในอื่น ๆ

ดร.ฉี หลิงจี้ (Shi Lingzhi) ผู้อำนวยการโรงพยาบาล

และเมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา เสี่ยวเฟิงก็ปรากฏตัวในการแถลงข่าวของโรงพยาบาลเป็นครั้งแรกหลังเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งเธอก็ตื้นตันใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อได้เห็นใบหน้าใหม่ของตัวเอง และได้เข้าสวมกอดกับผู้เป็นพ่อและแม่ทั้งน้ำตา

รวมถึงทางโรงพยาบาลตัดสินใจไม่เก็บค่ารักษาใด ๆ จากเธอ เพราะต้องการให้เธอนำเงินที่ได้จากการบริจาคไปใช้เป็นทุนการศึกษาในอนาคต

“ตอนนี้ฉันมีความสุขและตื่นเต้นมากเลย ฉันกลายเป็นคนสวยแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น และหลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น ทำให้ฉันรู้ว่าคำว่าปาฏิหาริย์บนโลกนี้นั้นมีอยู่จริง”

“และหลังจากฉันกลับไปเรียน ฉันตั้งใจจะเรียนหมอ เพราะการเป็นหมอได้ช่วยชีวิตฉัน ช่วยคนอื่น ได้เผยแผ่ความรักให้กับผู้คนบนโลกใบนี้” เด็กสาวกล่าว

ที่มา : odditycentral , dailymail , asiaone