ประสบปัญหาธุรกิจ ร้านหนังสือดวงกมลจำใจทำลายหนังสือกว่า8ล้านเล่ม

ในโลกโซเชียลได้มีการแชร์เรื่องราวของร้านหนังสือดวงกมล ร้านหนังสือชื่อดังในอดีต ซึ่งถ้าย้อนไปสัก15-20ปีไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน เป็นร้านขายหนังสือลำดับต้นๆที่คนนึกถึง และเป็นร้านแรกๆที่นำหนังสือต่างประเทศเข้ามาขาย แต่เนื่องจากปัจจุบันโลกเป็นยุคดิจิตัล พฤติกรรมการอ่านหนังสือของคนเปลี่ยนไปมาก รวมถึงสื่อต่างๆหันมาทำเป็นสื่อออนไลน์กันหมด ทำให้หลายๆร้านประสบปัญหาทางธุรกิจอย่างหนัก

ซึ่งทางเพจเฟซบุ้ค คัดข่าว ได้รายงานเรื่องราวดังกล่าวไว้ว่า

หลายท่านที่เป็นนักอ่านคงตกใจ แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง เนื่องจากร้านหนังสือดวงกมลซึ่งเคย
เป็นร้านหนังสือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไทยประสบพบปัญหาทางธุรกิจ จนถูกยึดตึกสำนักงานซึ่งใช้
เก็บหนังสือด้วย พวกได้รับคำสั่งจากศาลให้ขนหนังสือออกภายใน 1 สัปดาห์ แต่เนื่องจาก หนังสือมี
จำนวนเยอะมาก ทำไม่ทัน ทำให้หนังสือบางส่วนต้องถูกทำลาย ซึ่งจะมีกว่า 8 ล้านเล่ม ต้องถูกทำลาย
โดยปัจจุบันหนังสือสำคัญๆได้ถูกย้ายไปยังร้านและโกดังที่อยู่พัฒนาการของทางสำนักพิมพ์แล้ว
หลายท่านอาจสงสัยว่าหนังสือเยอะขนาดไหนจึงย้ายไม่ทันอยากให้ดูภาพตึกที่นำมานั่นคือ ส่วนที่เก็บ
หนังสือทั้งหมดยกเว้นดาดฟ้า ด้วยปริมาณหนังสือที่เยอะมากทำให้การบริจาคการแจกฟรีเป็นเรื่องยาก
จนต้องเลือกวิธีการทำลายเพื่อให้เคลียร์ตึกได้รวดเร็วที่สุด โดยหนังสือที่ถูกทำลายนั้นจะถูกนำไปถอคปก
และสันกาวออกแล้วนำไปหลอมกลับไปเป็นกระดาษใหม่ ร้านดวงกมลเคยเป็นร้านหนังสือที่มีขนาดใหญ่
ที่สุดในประเทศไทย เป็นร้านแรกๆที่นำเข้าหนังสือจากต่างประเทศมาขาย และมีโครงการสร้างหมู่บ้าน
นักเขียนนานาชาติด้วย แต่ด้วยปัญหาทางธุรกิจที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2540 และสภาพทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป
ทำให้ร้านประสบปัญหาจนเกิดเหตุอย่างที่เห็น”

ซึ่งก็เกิดคำถามขึ้นว่าไม่มีวิธีดีกว่านี้แล้วเหรอ ก็ได้มีคำชี้แจงว่า ศาลให้ขนหนังสือออกภายใน 1 สัปดาห์
แต่เนื่องจากหนังสือมีจำนวนเยอะมาก ทำไม่ทันทำให้หนังสือบางส่วนต้องถูกทำลาย

ใครที่เป็นหนอนหนังสือคงเข้าใจความรู้สึกไม่ต่างกัน

 

ในขณะที่ทางทวิตเตอร์ SasikamolS ได้เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า กระบวนการทำลายหนังสือนั้นได้เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี2017แล้ว และปัจจุบันทางร้านได้ย้ายมาเป็นโกดังชั้นเดียวด้านข้างและฝั่งตรงข้ามแทน ส่วนร้านที่พัฒนาการซอย68 เปิดทุกวัน และสามารถสั่งซื้อได้จากทางเพจร้านอีกด้วย

ที่มา : คัดข่าว  SasikamolS