คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าสมาร์ทโฟนนั้น กลายเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้วในชีวิตประจำวันของพวกเรา และคงพูดได้เต็มปากแล้วว่าในยุคสมัยนี้คงไม่มีใครที่ใช้เทคโนโลยีที่ว่านี้ไม่เป็นอีกแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นลูกเด็กเล็กแดงหรือแม้แต่คนรุ่นปู่รุ่นย่า ทุกคนล้วนแต่ใช้อุปกรณ์ที่ว่านี้ได้คล่องชนิดที่ไม่ต้องมีใครสอนก็ได้
แต่ก็เพราะความง่ายและมีราคาที่ใครก็เป็นเจ้าของได้นี้เอง ที่ทำให้เทคโนโลยีที่ว่านี้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราอย่างไม่น่าเชื่อ แถมบางครั้งก็ดูเหมือนจะมีมากเกินไปจนทำให้อะไรต่อมิอะไรดูเปลี่ยนแปลงไปซะหมด แถมบางครั้งก็ใช่เรื่องที่ดีซะด้วย อย่างเช่นภาพตัวอย่างต่อไปนี้
.
1. ถึงจะมีสายตาดี แต่บางครั้งเรากลับเลือกจะใช้ชีวิตแบบคนตาบอดที่ต้องการคนนำทาง
.
2. บรรยากาศในวันรวมญาติเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อทุกคนมีสมาร์ทโฟนอยู่ในมือ
.
3. ในอนาคต…ห้องน้ำสาธารณะอาจต้องมีห้องพิเศษเพื่อเอาใจคนชอบเซลฟี่
.
4. วิธีให้ความช่วยเหลือของเรา…ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
.
5. อายุของคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีนั้น…เด็กลงเรื่อยๆ
.
6. ต่อให้เป็นวันสำคัญขนาดไหน แต่นั่นไม่สำคัญเท่าความเคลื่อนไหวในโซเชียลของแต่ละคน
.
7. บรรยากาศของเด็กๆ เวลาออกไม่เล่นนอกบ้านจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป …และบางครั้งก็ไม่ต้องออกมาเจอกันด้วยซ้ำ
.
8. รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกในสนามเด็กเล่นด้วย
.
9. บางอย่างก็กลายเป็นประเพณีที่ต้องทำไปเสียแล้ว…ไม่ทำนับว่าเสียมารยาทขั้นร้ายแรง
.
10. วัฒนธรรมในการชมความบันเทิงของเราเปลี่ยนไปในช่วงเวลาสั้นๆ
.
11. แม้แต่ในโรงหนังก็ไม่รอด!!
.
12. แน่นอนว่าในสนามกีฬาก็ด้วย
.
13. และบางครั้งความเกรงใจต่อผู้คนรอบข้างก็หายไปด้วย เพียงเพราะมีคนบางกลุ่มคิดว่า …ทำแบบนี้แล้วมันเจ๋ง!?
.
14. ถ้ามองในมุมซีเรียส นับว่าเราพร้อมใจกันใช้ทรัพยากรไปเยอะเลยทีเดียว
.
15. ขณะที่เราคิดว่า ตัวเองเป็นเจ้าของเทคโนโลยีและผู้ในงาน แต่ในทางกลับกัน… เทคโนโลยีเหล่านั้นก็กำลังใช้เราเช่นกัน
.
ที่มา : spokedark