เปิดภาพลับ! อเมริกาเตรียมระเบิดปรมาณู “Fat man”และ”Little boy” ก่อนทิ้งบอมบ์ญี่ปุ่น

ในวันที่ 6 สิงหาคม และ 9 สิงหาคม ปี 1945 นั้นประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิประเทศญี่ปุ่น ทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก

และเป็นครั้งเดียวเลยก็ว่าได้ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์จริงๆ กับมนุษย์!!?

.

.

ระเบิดทั้งสองลูกมีชื่อว่า “Little Boy” และ “Fat Man” ซึ่งจนถึงบัดนี้ก็ไม่ได้มีรูปภาพของเหตุการณ์นี้ออกมาให้เห็นมากนัก แต่วันนี้เราก็มีภาพของการเตรียมการมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ถือว่าเป็นภาพเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์เลยล่ะ

ฐานทัพอากาศที่ระเบิดทั้งสองลูกถูกส่งไปก็คือ ฐาน North Field บนเกาะ Tinian เป็นหนึ่งในเกาะหลายๆ เกาะของหมู่เกาะ Mariana ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น

.

1. ภาพทหารกำลังตรวจสอบ “Fat Man” ว่าปลอดภัยและแน่นหนาพอรึเปล่า

.

2. และนี่ก็คือระเบิด “Little Boy” คนที่มองดูอยู่คือ Norman Ramsey ผู้ที่ภายหลังได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์

.

3. ภาพของช่างเทคนิคที่กำลังตรวจเช็คระเบิด “Fat Man” เพื่อให้มันสามารถกักเก็บพลังงานไว้จนถึงตอนทิ้งระเบิด

.

4. ทั้งทหารและคนที่ทำระเบิดลูกนี้เซ็นชื่อและเขียนข้อความของตัวเองติดไปกับลูกระเบิด

.

5. ภาพซูมใกล้ๆ

.

6. หลังจากนั้นก็ถูกนำขึ้นรถบรรทุกเพื่อขนส่งไปยังฐานทัพอากาศ

.

7. ใครจะไปนึกล่ะเนาะว่ารถบรรทุกที่ดูธรรมดาๆ แบบนี้จะเก็บระเบิดพลังทำลายล้างมหาศาลเอาไว้!!?

.

8. ที่ฐานทัพอากาศได้ติดตั้งหลุมลิฟต์ไฮดรอลิกไว้เพื่อดันลูกระเบิดให้ขึ้นไปอยู่บนเครื่องบินได้ ในภาพคือระเบิดปรมาณู “Fat Man” ที่ภายหลังถูกเอาไปทิ้งลงที่นางาซากิ

.

9. หลุมนั้นยังคงมีให้เห็นจนถึงทุกวันนี้…

.

10. หลังจากนั้นก็ค่อยๆ หย่อนระเบิดลงไปในหลุมนั้น

.

11. เพื่อให้เหล่าทหารและช่างเทคนิคเช็คความเรียบร้อยของมันอีกครั้ง

.

12. นี่คือ Enola Gay เครื่อง Boeing B-29 ที่บรรทุกเอา “Little Boy” ขึ้นไป

.

13. กระบวนการนำลูกระเบิดขึ้นไปบนเครื่อง

.

14. เป็นจังหวะที่น่าหวาดเสียวมากๆ

.

15. หลังจากนั้นก็เช็คความเรียบร้อยอีกครั้ง หลังบรรจุมันขึ้นเครื่องบินแล้ว

.

16. ภาพซ้ายเป็นภาพของระเบิด “Little Boy” ที่ถูกทิ้งในฮิโรชิม่า และภาพขวาคือ “Fat Man” ที่ถูกทิ้งลงในนางาซากิ บทสรุปของสงครามโลกครั้งที่ 2 ล่ะ

.

เราก็ได้แต่หวังล่ะเนาะ ว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก…

.

ที่มา : BusinessInsider , yaklai