โลกนี้มีสาเหตุการตายอยู่มากมายก็จริงอยู่ แต่เพื่อนๆเชื่อหรือไม่ว่า ในสมัยก่อนนั้นมีคนที่เสียชีวิตเพราะเครื่องแต่งกายอยู่เป็นจำนวนมากจนน่าเหลือเชื่อกันเลยทีเดียว ซึ่ง 9 สาเหตุที่เพื่อนๆ กำลังจะได้ชมนั้นเป็นหนึ่งในสาเหตุการตายจากเครื่องแต่งกายแปลกๆ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นขอเชิญรับชมได้เลย
.
1. ใช้เครื่องสำอางที่ทำจากสารตะกั่ว
ในยุคของพระราชินี Elizabeth ที่หนึ่งนั้น ความขาวซีดคือสัญลักษณ์ของความงาม (คล้ายๆ กับบ้านเราตอนนี้เลย) ดังนั้นพวกชนชั้นสูงในตอนนั้นจึงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งผิวที่ขาวสวยกว่าคนอื่น จึงได้ซื้อสารที่ชื่อ Ceruse ซึ่งมีตะกั่วเป็นองค์ประกอบหลักในการแต่งหน้า แน่นอนว่ายิ่งรวยก็ยิ่งเอามาใช้เยอะ
.
ซึ่งคนที่น่าจะรวยและมีอำนาจที่สุดในตอนนั้นอย่างพระราชินี Elizabeth ก็ได้ใช้ไอ้เจ้าสารตัวนี้ในปริมาณที่มาก จนทำให้ผิวเธอดูดซึมสารตะกั่วเข้าไปมากจนเธอถึงกับล้มป่วยและถึงแก่ความตายนั่นเอง แถมให้ว่าในสมัยนั้นผู้หญิงอยากสวยกันมากขนาดหาต้น Belladonna หรือที่รู้จักในชื่อ Deadly Nightshade ซึ่งก็แน่นอนว่าพืชนี้มีพิษสมชื่อ โดยทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ และตาพร่ามัว มาบดผสมน้ำหยดใส่ตาเพื่อให้ตาดูสว่างสดใสกันอีกด้วย
.
2. โดนประหารเพราะเอาขนนกผิดชนิดมาติดหมวก
ประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 16 นั้นพยายามสร้างอะไรบางอย่างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แบ่งระดับชนชั้น ดังนั้นจึงได้ประกาศให้ คนทุกคนที่อายุเกิน 13 ปีต้องสวมหมวก
.
โดยที่หมวกจะมีขนสัตว์ปีกต่างๆ ติดอยู่ โดยที่คนที่อยู่ในชนชั้นต่ำจะต้องใช้ขน เป็ด ห่าน ไก่ หรือไก่ป่า ส่วนพวกชนชั้นสูงจะติดขน นกยูง นกกระจอกเทศ นกกระยาง หงส์ หรือขนสัตว์ปีก หากคนชั้นต่ำเอาขนของพวกชั้นสูงมาติดจะต้องพบกับโทษประหาร
.
3. ศีรษะติดไฟตาย
ในช่วงยุค Georgian (ประมาณปี 1714-1830) คนในยุคนั้นจะชอบใส่วิกผมประหลาดๆ กันเป็นว่าเล่น ซึ่งส่วนมากก็จะทำมาจากผมที่ซื้อมา (ถ้าได้ผมของสาวพรหมจรรย์จะยิ่งดี) แล้วก็ยัดไส้ด้วยขนสัตว์และขึ้นรูปด้วยน้ำตาลเหลวและน้ำมันใส่ผม
.
แน่นอนว่าทั้งหมดติดไฟ และในยุคนั้นก็ยังชอบใช้แสงเทียนหรือคบเพลิงในการให้แสดงสว่างกันอีกด้วย และยังมีหลักฐานของหนังสือพิมพ์ในสมัยนั้นที่กล่าวถึงการตายเพราะโดนไฟไหม้ศีรษะอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย
.
4. เอาสารหนูมาใช้
ช่วงกลางๆ ศตวรรษที่ 18 มีกลุ่มคนที่เรียกว่า “ผู้กินสารหนู” โผล่ออกมาในแถบที่เป็นประเทศออสเตรียในปัจจุบัน พวกเขาเชื่อว่ากินสารหนูวันละเล็กวันละน้อยแล้วจะมีผิวพรรณสวยงาม มีร่างกายแข็งแรงและต้านพิษได้ ปัญหาคือถ้าเขาหยุดกินสารหนูเมื่อไหร่ ร่างกายพวกเขาจะย่ำแย่ในทันที
.
พวกคนในสมัยนั้นจึงคิดหาทางแก้ไข บ้างก็เอามาทาผิวทาหน้าแทนที่จะกิน บ้างก็อ้างว่าสามารถสกัดสารหนูออกมาเป็นยาเม็ด และมีกระทั่งอ่างอาบสารหนู แน่นอนว่ามีคนบาดเจ็บล้มตายตามมาจากเรื่องนี้เพียบ แถมยังมีรายงานออกมาบอกอีกว่าใครหยุดใช้ของพวกนี้อาการจะแย่ลงอย่างรวดเร็วอีก จำนวนผู้เสียหายจึงยิ่งมาขึ้นไปอีกเพราะไม่กล้าหยุดใช้สารหนูนั่นเอง
.
5. ชุด Corsets รัดจนเครื่องในเคลื่อน
.
อันนี้อธิบายไม่ยาก ก็ตามภาพที่เห็นด้านบนนั่นเอง ในสมัยวิกตอเรียนั้นชุด Corsets รัดเอวคอดนั้นเป็นที่นิยมมากสำหรับผู้หญิงในสมัยนั้น แย่หน่อยที่บางครั้งมันก็รัดมากจนเกินไป จนมีอยู่บางคดีที่ตัวชุดรัดมากจนเครื่องในเลื่อนไปจากที่ๆ ควรจะเป็น และบางครั้งยังรัดจนเครื่องในถูกซี่โครงแทงอีกด้วย
.
6. ชุด Crinolines ทำสาวๆ ล้มหรือติดไฟตาย
เพื่อนอาจจะเคยเห็นกระโปรงบานๆ ที่เราเรียกกันเล่นๆ ว่ากระโปรงสุ่มไก่ กันมาบ้าง มันคือชุด Crinolines นั่นเอง เป็นชุดที่ทำมาจากขนม้าและเหล็กในช่วงศตวรรษที่ 19 แน่นอนว่าหนักและติดไฟง่าย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นสาวๆ ล้มแล้วโดนชุดทับหรือกระแทกจนตาย
.
และด้วยความใหญ่ของมันก็ทำให้สาวๆ ราว 3,000 คนเผลอทำชุดติดไฟจนลามไหม้ตัวเองได้ง่ายๆ แถมถ้ามีลมแรงๆ สาวๆ อาจจะปลิวไปเหมือนร่มจนตกจากที่สูงลงมาตายอีกด้วย
.
7. โดนคอเสื้อแบบถอดได้รัดคอตาย
.
คราวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายกันบ้างในศตวรรษที่ 18 ผู้ชายมักจะชอบใส่ปกเสื้อแบบถอดได้หรือไม่ก็ปลอกคอ ซึ่งบางอันนั้นมีน้ำหนักมากหรืออาจจะแน่นเกินไปบวกกับการถอดที่ทำได้เองยากกว่าที่เห็น จนบางครั้งนั้นมีคนสลบไปเพราะขาดอากาศหายใจและในกรณีที่เลวร้ายมากๆ หรือไม่มีผู้พบเห็น พวกเขาเหล่านั้นก็ถึงกับเสียชีวิตเพราะโดนรัดคอเลยก็มี
.
8. เป็นไข้ตายเพราะใส่กระโปรงเปียกๆ ทั้งวัน
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ช่วงเวลาสั้นๆ แต่งกายแบบ Regency ได้รับความนิยมมาก โดยตัวชุดมีความคล้ายคลึงกับเสื้อคลุมสีเทาของชาวกรีก หรือการแต่งตัวเรียบๆ ตามแนวความเชื่อที่ว่าผู้หญิงต้องสวยด้วยร่างกายตามธรรมชาติ ปัญหาคือเพื่อให้เห็นส่วนโค้งเว้าของร่างกายได้อย่างชัดเจนและดูเซ็กซี่ พวกเธอมักจะทำให้ชุดเปียกอยู่ตลอดเวลาจะได้แนบติดกับตัว
.
แน่นอนว่าการใส่ชุดเปียกๆ ทั้งวันในอากาศหนาวๆ นั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลย และผู้หญิงจำนวนมากในสมัยนั้นก็เสียชีวิตไปด้วยโรคปอดบวมหรืออุณหภูมิร่างกายต่ำตามคาด
.
9. ชุดที่ทำให้เดินแทบไม่ได้
ในช่วงศตวรรษที่ 19 นักออกแบบชุด Paul Poiret ได้ออกแบบกระโปรงที่เรียกว่า กระโปรงฮ็อบบี้ ขึ้นมา มันเป็นกระกระโปรงที่จะรัดขาช่วงหน้าแข้งของสาวจนทำให้เดินได้ไม่สะดวกต้องก้าวเท้าทีละนิดๆ ไม่ก็กระโดดสั้นๆ ไป
.
ซึ่งแม้ว่าการเดินเขย่งโดดดึ๋งๆ แบบกระต่ายอาจจะดูน่ารักในสมัยนั้นแต่การออกแบบนี้ ก็ส่งสาวๆ ไปสู่ความตายเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะจากการสะดุดกระโปรงล้มจนโดนรถไฟทับ เรื่อยไปยันวิ่งหนีสัตว์ป่าไม่ได้กันเลยทีเดียว
และนั่นก็เป็นการแต่งตัวที่ทำให้มนุษย์เราต้องถึงแก่ความตายกันเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าเรื่องนี้สอนให้เรา ควรรู้จักที่จะทำอะไรแต่เพียงพอดีและรอบคอบอยู่เสมอๆ เพราะแม้แต่กางเกงเอวต่ำ หรือกางเกงรัดติ้วของทุกวันนี้นั้นก็อาจจะเป็นอันตรายได้เช่นกันหากพวกเราไม่ระวังตัวนั่นเอง
.