คุณลุงอุ้มสุนัขขึ้นรถเพื่อไปรักษา นึกว่าเป็นสุนัขเลี้ยง มารู้ทีหลังว่าคือหมาป่าไคโยตี้

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ Eli Boroditsky ชายชาวแคนาดา วัย 68 ปี ขณะที่เขากำลังขับรถเพื่อไปทำงานกะกลางคืนที่โรงงานทำชีสแห่งหนึ่ง ในรัฐมานิโตบา เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา จู่ ๆ รถของเขาที่วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 88 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็เกิดชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนกระเด็นออกไปไหล่ทาง

เมื่อลงไปดูก็พบว่าเป็นสุนัขตัวหนึ่งกำลังอยู่ในอาการตกใจ ซึ่งทีแรกเขาคิดว่ามันคือพันธุ์เยอรมันเชพเฟิร์ด หรือไม่ก็ฮัสกี้

“ผมลังเลว่าจะปล่อยมันไว้แบบนี้ดีไหม แต่ก็คิดว่ามันอาจจะเป็นเหยื่อของสัตว์ป่าบริเวณนั้น โดยทีแรกก็ไม่คิดว่ามันเป็นสัตว์ป่า เพราะดูเชื่องมาก ผมยังเอามือลูบหัวมันอยู่เลย” ชายสูงวัยผู้เป็นคนขับรถกล่าว

เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงอุ้มสัตว์ป่าน้ำหนักเกือบ 13 กิโลกรัมไว้บนเบาะหลังรถ และขับรถไปทำงานต่อ พร้อมกับจะโทรแจ้งโรงพยาบาลสัตว์ให้มารับตัวมันไปรักษา

แต่เมื่อไปถึงที่ทำงาน เพื่อนร่วมงานของเขาคนหนึ่งก็สังเกตว่ามันดูไม่เหมือนสุนัขเลี้ยงทั่วไป ตรวจสอบไปมาก็พบว่า แท้จริงแล้วมันคือหมาป่าไคโยตี้

พวกเขาโทรแจ้งไปยังศูนย์ฟื้นฟูสัตว์ป่า แต่ก็ต้องรอกระทั่งถึงตอนเช้า ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมารับตัวไปดูแล และตลอดทั้งคืน เจ้าหมาป่าตัวนี้ได้แต่นอนนิ่ง ๆ อยู่ในรถเป็นเวลาเกือบ 11 ชั่วโมง โดยไม่ได้ก่อความวุ่นวายแม้แต่น้อย ซึ่งก็สร้างความประหลาดใจให้ทั้ง Boroditsky และเพื่อนของเขา

วันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่อนุรักษ์สัตว์ป่าก็มารับตัวมันไปที่ศูนย์ฟื้นฟูสัตว์ป่า Wildlife Haven Rehabilitation Centre หลังจากการตรวจก็พบว่า มันได้รับบาดเจ็บที่หัวเล็กน้อย กับมีรอยแผลถลอก แต่กระดูกไม่ได้หัก และให้พักฟื้นไม่กี่วันก็จะนำกลับไปปล่อยในป่าตามเดิม

อย่างไรก็ตาม Zoe Nakata ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ก็ยังแนะนำว่า ไม่ควรจะเก็บสัตว์ป่ากลับมาไม่ว่าสถานการณ์ใดก็ตาม ถึงแม้เหตุการณ์คราวนี้จะจบลงด้วยดี เพราะโดยทั่วไปสัตว์ป่ามีสัญชาตญาณนักล่า และพฤติกรรมตามธรรมชาติที่ดุร้าย มันจึงอาจเข้ามาทำร้ายผู้เข้าใกล้ได้ตลอดเวลา และควรโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีเมื่อเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้

ที่มา : cbc , foxnewsWildlife Haven Rehabilitation Centre