รวมเหตุการณ์ “รวมน้ำใจคนไทย” ถึงแม้ต้องใช้เงินมหาศาล แต่คนไทยไม่เคยทิ้งกัน

วันนี้จะพาไปดู 10 เหตุการณ์ ที่รวมน้ำใจคนไทย ร่วมด้วยช่วยเหลือกัน จนสามารถผ่านเรื่องเหล่านั้นไปได้ด้วยดี มีอะไรก็ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ถ้ามีน้ำใจล่ะคนไทยแน่นอน!!

น้ำใจคนเราที่มีให้กันนั้นยิ่งใหญ่มาก หากเห็นใครลำบากก็ยากที่จะเมินเฉย ด้วยความที่ถูกบีบหัวใจจนอดรนทนไม่ไหว จึงต้องลุกฮือกันออกมาช่วยเหลือกันยกใหญ่ เพื่อให้เรื่องร้ายๆ ได้ผ่านไป มีเรื่องราวดีๆ เข้ามาทดแทน อย่างในวันนี้รเาจะพาไปดู 10 เหตุการณ์ ที่รวมน้ำใจคนไทย ร่วมด้วยช่วยเหลือกัน จนสามารถผ่านไปได้ด้วยดี น้ำใจคนนี่กว้างกว่ามหาสมุทรจริงๆ

10. ตาแพน ทำกระเป๋าเงินหาย

ผู้ใจบุญและผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือคุณตาแพน แผ้วพลสง อายุ 72 ปี ที่ทำกระเป๋าสตางค์ที่มีเงินสดอยู่กว่า 15,000 บาท ที่คุณตาเก็บสะสมจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทั้งของตนเอง ภรรยา รวมถึงเบี้ยคนพิการของหลานสาว และเงินที่ลูกชายส่งมาเป็นค่าเล่าเรียน พร้อมกับบัตรประจำตัวประชาชนของตนเองและภรรยาหล่นหายโดยไม่รู้ตัว ขณะพา ด.ญ.อริสา หรือน้องแพม วัย 6 ขวบ หลานสาวพิการ ไปทำเรื่องต่ออายุบัตรคนพิการที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์

โดยยอดบริจาคของผู้ใจบุญนั้น มียอดบริจาคกว่า 1.4 ล้านบาทเลยทีเดียว โดยคุณตาแพน บอกว่า ยอดเงินจำนวนดังกล่าวเพียงพอกับการซ่อมแซมบ้านที่ชำรุดผุพัง เลี้ยงตัวเอง และภรรยาที่แก่ชราในบั้นปลายชีวิต รวมถึงเลี้ยงดูหลานสาวพิการแล้ว และทำการปิดรับบริจาคไปเรียบร้อย

พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ปฏิเสธการช่วยเหลือ แต่อยากให้แบ่งปันความช่วยเหลือให้กับคนอื่นที่ยากจน และขาดโอกาสเหมือนกับตัวเองอีกหลายๆ คนบ้าง จึงได้ตัดสินใจปิดบัญชีรับบริจาค แล้วเปิดบัญชีใหม่ร่วมกับนางเสงี่ยม ภรรยา เพื่อเบิกเงินที่ได้รับบริจาคร่วมกัน

9. ซื้อที่ดิน พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก

สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น ณ บางรัก! น้ำใจคนไทยแห่บริจาคถล่มทลาย ร่วมซื้อที่ดินให้ พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก ครบแล้ว 10 ล้าน! หลังเจ้าของทุ่มหมดหน้าตักด้วยเงินส่วนตัว 30 ล้านบาท ขาดอีก 10 ล้าน ขอกทม. ช่วยแต่กทม.ปัดไร้งบประมาณ สุดท้ายพึ่งหัวใจคนไทย เปิดรับบริจาค ซึ่งก็ได้ครบตามจำนวนไปเรียบร้อย โดย พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก นี้ เป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตคนกรุงเทพฯ เดิมเป็นบ้านและที่ดินมรดกของครอบครัว ร.ศ. วราพร ที่ตกทอดกันมา และถูกดัดแปลงให้กลายเป็นสถานที่สะสมของใช้โบราณ องค์ความรู้ทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ด้วยใจที่รักชอบและอยากจะส่งต่อไปถึงรุ่นลูกหลานของ ร.ศ. วราพร โดยภายหลัง ร.ศ. วราพร ได้โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ 4 หลัง ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของกรุงเทพมหานคร เพื่อจัดเป็น “พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก” มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2547 กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก มีผู้เยี่ยมชมเดือนละกว่า 700 คน

ซึ่งหลังจากเจ้าของที่ข้างๆ พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก ได้ประกาศขายในราคา 40 ล้านบาท และเจ้าของใหม่เตรียมนำไปสร้างตึกสูง ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นการบดบังทัศนียภาพและพื้นที่สีเขียวของพิพิธภัณฑ์ ทำให้รศ.วราพร ตัดสินใจ ควักเงินตัวเอง ซื้อที่ดินผืนดังกล่าวไว้ก่อน 30 ล้านบาท และยังขาดอยู่อีก 10 ล้านบาท จึงได้ไปเจรจาให้ทาง กทม. ซื้อที่ดินดังกล่าวไว้ แต่ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะไม่มีงบประมาณ และไม่ได้มีการทำโครงการไว้ สุดท้าย จึงได้ตัดสินใจเปิดระดมทุน ขอน้ำใจจากคนไทย ระดมกำลังเพื่อรักษาพื้นที่สีเขียว โดยตั้งเป้ายอดเงินไว้ 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนที่เกินออกมาจากเงินที่ รศ.วรพร ได้นำเงินส่วนตัวไปมัดจำไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งก็ได้เงินครบตามจำนวนก่อนเฉียดเส้นตาย 1 วัน ซื้อที่ดินคืนได้ในที่สุด

ปัจจุบัน รศ.วราพร ได้เสียชีวิตแล้วด้วยอายุ 80 ปี

8. บริจาคเงินช่วย มูลนิธิเพื่อนช้าง

น้ำใจคนไทยหลั่งไหลร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือ มูลนิธิเพื่อนช้าง หลังประกาศยุติการทำงาน รายรับไม่สัมพันธ์รายจ่าย แบกรับต่อไปไม่ไหวหลังเดินหน้าสู้มาเป็นระยะเวลานาน ทำเอาชาวเน็ตสะเทือนใจ เมื่อผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก Soraida Salwala หรือโซไรดา ซาลวาลา ผู้ก่อตั้ง / กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเพื่อนช้าง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงการประกาศปิดตัวของ มูลนิธิเพื่อนช้าง เนื่องจากรายรับไม่สัมพันธ์กับรายจ่ายและไม่สามารถแบกรับภาระดังกล่าวได้ต่อไป โดยได้ประกาศไว้ในวันที่ 13 มี.ค. 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันช้างไทย นั้น ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก ประชาชนของพระราชา ซึ่งมีข้อความเชิญชวนให้คนไทยร่วมกันช่วยเหลือ ร่วมบริจาคเงิน ช่วยมูลนิธิเพื่อนช้าง เพียงแค่คนละ 1 บาท 70 ล้านคน 70 ล้านบาท ขอบคุณครับ # ไม่บริจาคก็ช่วยแชร์ได้ครับ ทั้งนี้มีชาวเน็ตให้ความสนใจช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก

โดยการเปิดรับบริจาคแค่ 10 วัน ก็มีผู้ใจบุญและสนับสนุนบริจาคเงินเป็นจำนวนกว่า 44 ล้านบาทแล้ว

ซึ้งก็ทำให้ มูลนิธิ อยู่รอดต่อไป ไม่ปิดตัวแล้วจ้า

7. เหตุการณ์แผ่นดินไหว ประเทศเฮติ

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวประเทศเฮติ ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 1 แสนราย บาดเจ็บ และต้องอดอาหาร น้ำ อีกหลายล้านคน ทาง “ครอบครัวข่าว” สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ริเริ่ม โครงการ “กองทุนคนไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ” ให้ ผู้ชมรายการได้ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือประชาชนชาวเฮติผ่านโครงการดังกล่าว โดยเริ่มเมื่อวันเสาร์ที่ 16 ม.ค. 2010 สิ้นสุดการรับบริจาคในวันที่ 26 ม.ค. ปี 2010 ปรากฏว่ายอดเงินบริจาคเบื้องต้นมีจำนวนกว่า 160 ล้านบาทเลยทีเดียว

ทั้งนี้ เงินกองทุนคนไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ จะนำไปซื้อถุงยังชีพ (Food Basket) ซึ่งประกอบด้วย ข้าว หรือ ข้าวโพด, เกลือ, น้ำมันพืช, ถั่ว และเครื่องครัว โดยถุงดังกล่าวจะแจกให้ 1 ถุงต่อ 1 ครอบครัว และดำรงชีพอยู่ได้ 1 เดือน

บริจาคช่วยเฮติมากที่สุดถึง 160 ล้านบาท

6. น้ำท่วมภาคอีสาน

ทุกครั้งที่ประเทศไทยประสบภัยพิบัติต่างๆ เรามักจะเห็นภาพที่คุ้นตาคือพี่น้องชาวไทยต่างออกมาช่วยเหลือกัน ครั้งนี้ก็เช่นกันภาคอีสานเกิดอุทกภัยใหญ่ในรอบหลาย 10 ปี โดยเฉพาะจังหวัดสกลนคร ทุกฝ่ายทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน องค์กรต่างๆ วงการบันเทิง ต่างออกมาร่วมด้วยช่วยกันผ่านโครงการ“ประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี” ที่จัดโดยสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเงินไปช่วยบรรเทาและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย โดยสรุปยอดเงินบริจาคสูงถึง 264 ล้านบาท

แถมการบริจาคยังช่วยลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

น้ำใจกว้างดุจดั่งสายน้ำ

5. น้ำท่วมภาคใต้

ยอดเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ในรายการพิเศษ “ประชารัฐร่วมใจ ช่วยอุทกภัยภาคใต้” ที่รัฐบาลจัดขึ้นเพื่อรับบริจาคเงินสมทบทุนในการช่วยฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ โดยมียอดบริจาคมากกว่า 330 ล้านบาทเลยทีเดียว

โดยรัฐบาลจะดำเนินทั้ง 2 ส่วน คือ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ดูแลเรื่องป่าไม้ และดิน โดยเฉพาะทางระบายน้ำ เพราะเราจะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างเดียวไม่ได้แล้ว แต่ต้องแก้ปัญหาเรื่องที่กักเก็บน้ำ ทางระบายน้ำ คู คลอง ซึ่งต้องขอให้ทุกคนช่วยรัฐบาลด้วย รัฐบาลยินดีและพร้อมที่จะช่วยทุกประการ และขอให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานมีความปลอดภัย และขอบคุณที่ทุ่มเทร่วมกันทำงาน

น้ำใจคนไทย มีมากมายมหาศาลสุดๆ

4. มหาอุทกภัย ปี พ.ศ. 2554

ความโกลาหลที่เกิดจากมหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ในครั้งนี้เป็นภาพที่สะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ เพราะน้ำที่ทะลักเข้ามาในลักษณะที่ทั้งเร็วและแรง แม้รัฐบาลและประชาชนจะพยายามตั้งรับอย่างเต็มกำลังแต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้ ประชาชนนับล้านได้รับความเดือดร้อนอย่างสาหัส

ซึ่งเหตุการณ์นี้ เผยให้เห็นถึงน้ำใจคนไทยทั้งประเทศ ที่คอยช่วยเหลือกันแบบไม่หวังสิ่งตอบแทน น้ำใจหลั่งไหล นับมูลค่าไม่ได้เลยล่ะ

คนทั้งประเทศร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ คนมากหน้าหลายตา คนแปลกหน้า ต่างก็ช่วยเหลือกัน เป็นภาพที่หาดูได้ยากมากเลยล่ะ

3. 13 ชีวิต ติดถ้ำหลวง

ในตลอดระยะเวลา 9 วัน ที่ได้ค้นหาโค้ชและเด็กๆ ทีมฟุตบอล หมูป่าอะคาเดมี่ ที่ได้ติดอยู่ในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เรียกได้ว่าทั้งคนไทยและต่างประเทศ ต่างร่วมแรงร่วมใจ ร่วมมือกันช่วยอย่างสุดความสามารถ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ไม่ได้รับบริจาคเป็นจำนวนเงินแต่อย่างใด หากแต่รับเป็นพวกเครื่องมือ อุปกรณ์ และของอื่นๆ ในการค้นหา ซึ่งหมดงบไปกว่าหลายล้านบาทเลยทีเดียว

แต่ทุกๆ คนกลับเต็มใจช่วยกันโดยที่ไม่หวังผลตอบแทน สุดยอดมากๆ

และล่าสุด ก็เจอกับเด็กๆ และโค้ช ทั้ง 13 คนแล้ว และได้พาออกจากถ้ำมาได้อย่างปลอดภัยทุกคน

2. โครงการ ก้าวคนละก้าว

ตูน บอดี้สแลม หรือ ตูน อาทิวราห์ นั้นเริ่มวิ่งจาก อ.เบตง จ.ยะลา ภาคใต้สุดของประเทศไทย มุ่งหน้าไปสุดเขตแดนสยาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ด้วยระยะทาง 2,191 กิโลเมตร เพื่อหาเงิน 700 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อ 11 โรงพยาบาลที่ยังขาดแคลน โดย 11 โรงพยาบาลที่ยังขาดแคลนมีดังต่อไปนี้ 1. โรงพยาบาลยะลา 2. โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี 3. โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี 4. โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี 5. โรงพยาบาลสละบุรี 6. โรงพยาบาลขอนแก่ง 7.โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี 8. โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ 9. โรงพาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ 10. โรงพยาบาลน่าน ซึ่งไม่ใช่โรงพยาบาลศูนย์ แต่อยู่ในเขตพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมือง 11. โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

โดยคนไทยทุกคนช่วยกันส่งแรงใจให้หนุ่มตูน ทำโครงการนี้ให้สำเร็จ ดังที่หนุ่มตูนหวังเพื่อช่วยพี่น้องชาวไทยที่ป่วยตามโรงพยาบาลที่ขาดแคลนให้ได้รับการรักษาจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ทันสมัยเพื่ออนาคตระบบการรักษาที่ดีของสังคมไทย

ซึ่งโครงการนี้ก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และมียอดบริจาคมากถึง 1,400 ล้านบาทเลยทีเดียว ทะลุเป้าไปไกลมาก!!

1. สึนามิ ภูเก็ต

เกิดเหตุแผ่นดินไหวมีความแรงระดับ 9.1- 9.3 แมกนีจูด โดยศูนย์กลางอยู่ที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ในเช้าวันที่26 ธันวาคม พ.ศ.2547(ค.ศ.2004) ครั้งนั้นเกิดคลื่นสึนามิในพื้นที่ที่วัดความสูงได้สูงที่สุดคือ 20เมตร โดยคลื่นมีกำลังเร็ว 700 กม.ต่อชั่วโมง และใช้เวลาเพียง90 นาทีในการซัดเข้าฝั่งอันดามันของประเทศไทย ซึ่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลาง 600 -700 กิโลเมตร มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นราว 230,000 คน ใน 15ประเทศ มีพลเมืองจาก36ประเทศเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรปที่มาฉลองวันคริสต์มาส และประเทศที่มีผู้เสียชีวิตเยอะที่สุดคือประเทศอินโดนีเซีย มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 167,540 คน ในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิต 5,396 คน บาดเจ็บ 8,745 คน สูญหาย 2,951 คน สูญหาย 3,307คน และมีเด็กที่ต้องกำพร้าจำนวน 880 คน นอกจากนี้ยังมีศพที่ยังไม่ได้กลับบ้านอยู่จำนวน 382 ศพ จาก19ประเทศซึ่งยังฝังอยู่ที่ สุสานไม้ขาว จังหวัดพังงา

มียอดบริจาค ทั้งหมด 13,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (432,000ล้านบาท) เป็นยอดที่คนทั่วโลกบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ โดยเรียง10 อันดับมากที่สุด มีการบริจาคแบบไม่ประสงค์ออกนาม 3,129 ล้านเหรียญสหรัฐ ประเทศญี่ปุ่น 502 ล้านเหรียญสหรัฐ องค์กรธรรมทูตไทยในสหราชอาณาจักร 471 ล้านเหรียญสหรัฐ องค์กรยูนิเซฟ 282 ล้านเหรียญสหรัฐ สหภาพยุโรป 154 ล้านเหรียญสหรัฐสหราชอาณาจักร 137 ล้านเหรียญสหรัฐสหรัฐอเมริกา 134 ล้านเหรียญสหรัฐ เยอรมัน 126 ล้านเหรียญสหรัฐ แคนนาดา 117 ล้านเหรียญสหรัฐนอร์เวย์ 85 ล้านเหรียญสหรัฐ

ซึ่งเหตุการณ์นี้ ได้ผ่านมากว่า 13 ปีแล้ว มีการจัดงานไว้อาลัยอยู่ตลอดทุกๆ ปี เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

มีเหตุการณ์ผ่านมามากมาย ที่ทำให้เห็นน้ำใจของคนไทยที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ น้ำใจของมนุษย์นั้นสุดจะกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่ามหาสมุทร เป็นเรื่องที่น่าซาบซึ้งมากๆ เลยล่ะ

ที่มา : armasecrettt