7 ความจริงทางประวัติศาสตร์ ซึ่งต่างจากสิ่งที่เราเคยเรียนกันมาเลย!

“เรื่องราวดีๆ สมควรได้รับการเสริมแต่งเล็กน้อย” แกนดาล์ฟเคยพูดเอาไว้ และแม้มันจะใช้ได้ดีกับพวกนิยาย แต่สำหรับประวัติศาสตร์แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ การตีความผิดๆ ของเหตุการณ์และข้อสมมติฐานมากมายกลายเป็นข้อเท็จจริงที่เราได้เรียนกันในโรงเรียนเมื่อเวลาผ่านไป ทางเว็บไบรไซด์ได้รวบรวมข้อมูลไว้ และทางเราก็นำมาแปลให้ผู้อ่านได้อ่านกัน บางเรื่องนี่แทบไม่น่าเชื่อจริงๆ

.

เช็คสเปียร์ไม่เคยเขียนอะไรสักอย่าง คนเขียนเป็นคนละคน

.

เชคสเปียร์เกิดและเติบโตที่ศูนย์ขายแกะซึ่งเขาไม่น่าจะมีความรู้พอจะเขียนการบรรยายของการเมือง เรื่องราวในราชสำนัก และวัฒนธรรมของต่างประเทศ นอกจากนี้ยังไม่มีลายเซ็นที่เป็นเอกลักษณ์ของนักเขียนคนนี้ งานส่วนใหญ่ของเขามีลายเซ็นต่างกัน นามสกุลเขายังเขียนต่างกันว่า Shakespeare, Shake-speare, หรือแม้แต่ Shak-spear ทฤษฎีนี้ถูกปฏิเสธอยู่บ่อยครั้ง แต่มันก็ได้รับการสนับสนุนจากคนดังอย่าง Charlie Chaplin, Mark Twain และ Sigmund Freud

.

มารี อ็องตัวแน็ต ไม่ได้บอกให้ประชาชนกินเค้ก

.

ครั้งหนึ่ง ราชินีแห่งฝรั่งเศส พระนางมารี อ็องตัวแน็ต บอกคำนี้กับประชาชนที่ยากจนว่า “ถ้าไม่มีขนมปัง ก็ให้พวกเขากินเค้กสิ”แต่ว่า ฌ็อง-ฌัก รูโซ เป็นคนแรกที่เขียนวลีนี้ขึ้นซึ่งน่าจะเป็นคำที่ชนชั้นปกครองสักคนหนึ่งพูด แต่ไม่ใช่ มารี อ็องตัวแน็ต เพราะเธอยังอายุแค่ 9 ขวบตอนนั้นและยังอยู่ที่ออสเตรีย อีกเวอร์ชั่นบอกว่าเธอพูดคำนั้นแต่ไม่ได้มีเจตนาร้าย กฎหมายตอนนั้นบังคับให้คนทำขนมต้องตัดราคาขนมปังที่แพงในช่วงภาวะวิกฤติ นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่เธอหมายความจริงๆ

.

พีระมิดไม่ได้สร้างโดยทาส

เฮอรอโดทัสเป็นคนแรกที่เขียนเกี่ยวกับแรงงานทาสในการก่อสร้างพีระมิด แต่เขามีชีวิตห่างจากตอนที่พีระมิดถูกสร้างไปนานมาก ในยุค 90 นักโบราณคดีเจอหลุมศพของคนที่ทำงานในการสร้างพีระมิด พวกเขาถูกฝังอย่างมีเกียรติและอยู่ใกล้กับองค์ฟาโรห์ การตรวจดูกะโหลกของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้ได้รับอาหารดีๆ และมีการเปลี่ยนเวรการทำงาน ดังนั้นเห็นได้ชัดว่า พวกเขาเป็นคนงาน ไม่ใช่ทาส

.

เข็มขัดพรมจรรย์เป็นเรื่องโกหก

.

เรื่องราวมีอยู่ว่า ผู้ชายที่จะไปรบในสงครามครูเสดเอาสายคาดที่ทำจากโลหะใส่ให้ภรรยาเพื่อที่เธอจะไม่นอกใจเขาระหว่างที่เขาไม่อยู่ และเขาเอากุญแจไปด้วย แต่ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนทนใส่ของแบบนี้ได้มากกว่าสองสามวันหรอก และเธอจะตายด้วยสาเหตุการติดเชื้อ ไม่มีที่มาที่เชื่อถือได้ของยุคกลางอันไหนที่บอกถึงเครื่องมือนี้ และเข็มขัดที่พบในยุคปัจจุบันก็เป็นเข็มขัดของปลอม

.

สฟิงซ์แห่งกิซาจมูกหายก่อนที่นโปเลียนจะมาถึงอียิปต์

.

มีเรื่องเข้าใจผิดตอนที่นโปเลียนนกทัพมาที่อียิปต์ (ปี1798-1801) เขาสั่งให้ทหารฝึกยิงปืนโดยมีสฟิงซ์เป็นเป้า นั่นทำให้สฟิงซ์จมูกหาย ความจริงแล้ว จมูกของสฟิงซ์หายไปแล้วตอนที่นโปเลียนมาที่อียิปต์ เรื่องนี้พิสูจน์ได้จากงานแกะสลักของนักท่องเที่ยวที่มาอียิปต์ก่อนกองทัพฝรั่งเศสหลายสิบปี มีแหล่งข้อมูลบอกว่าจมูกสฟิงซ์หักเพราะพวกคลั่งศาสนาชาวอาหรับในศตวรรษที่ 14

.

ห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรียถูกทำลายตั้งนานแล้วก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้

.

สันนิษฐานกันว่าข้อมูลความรู้มากมายถูกเผาไปตอนที่จูเลียส ซีซาร์ โจมตีเมืองอเล้กซานเดรียในอียิปต์ ในความเป็นจริงแล้ว ซีซาร์แทบไม่ได้ทำลายอะไรเลย ก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่ ห้องสมุดนี้ถูกทำลายโดยศัตรูคนอื่นและก่อนพวกคลั่งศาสนาซะอีก แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอยู่ดี สาเหตุสำคัญก็ของการเสื่อมของห้องสมุดอเล็กซานเดรียนั้นเป็นสิ่งที่ธรรมดา คือทางรัฐลดค่าใช้จ่ายที่ห้องสมุดต้องใช้ ทุนการศึกษาถูกระงับ นักวิทยาสาสตณืต่างชาติถุฏห้ามไม่ให้เข้าไปในห้องสมุด ในที่สุด ห้องสมุดนี้ก็ถูกทิ้งร้าง

.

ม้าโทรจันไม่มีจริง

.

ไม่มีแหล่งข้อมูลอื่นนอกจาก อีเลียดของโฮเมอร์ และอีเนียสของเวอร์จิล ที่บอกเราเกี่ยวกับเรื่องราวของสงครามกรุงทรอย นี่นำไปสู่เรื่องแต่งและตำนานเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ นักวิจัยบางคนคิดว่า ไม่มีม้าไม้ แต่มีแกะตัวผู้ที่ดูเหมือนม้าหรืออาวุธปิดล้อม ซึ่งหนึ่งในนั้นมักจะถูกตั้งชื่อตามสัตว์ อีกหลายคนคิดว่า สงครามกรุงทรอยคือแผ่นดินไหวที่ทำลายกำแพงเมืองทรอย ไม่ว่าจะเป็นยังไง เรื่องราวของม้าก็ดูเหมือนจะเป็นแค่เรื่องแต่งเท่านั้น

.

ที่มา: brightsidekidjarak