ถ้าคุณเป็นคนใน 10 ประเทศนี้ คุณอาจจะร้องจ๊ากเอาได้กับกฏจราจรแปลกๆ บางอย่างที่ฟังแล้วชวนจักกะจี๋หัวใจพิลึก มาดูกันว่าจะมีกฏอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
.
1.ไซปรัส : ห้ามกินอาหารหรือดื่มน้ำขณะขับรถ
.
การขับรถบางครั้งก็อาจจะกินเวลายาวนานหรือจำเป็นต้องขับรถโดยไม่ได้แวะพักกินอาหารมาก่อน แน่นอนว่าคนขับย่อมจะต้องท้องร้อง หิวข้าวเป็นธรรมดา แต่ที่ไซปรัส มีการอออกฏหมาย ห้ามคนขับรถที่กำลังขับรถอยู่ห้ามกินอาหารหรือดื่มน้ำในระหว่างที่ขับรถอยู่
ส่วนเหตุผลที่ห้ามนั้น เดาว่าอาจทำให้คนขับเสียสมาธิได้ เนื่องจากหากกินอาหารอยู่ ก็ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัยรถข้างหนึ่ง หากเกิดเหตุฉุกเฉินอาจจะไม่สามารถควบคุมรถได้ หรืออาหารที่กินอาจจะคราบน้ำมันหรือของเหลวหากมือที่จับอาหารแล้วไปจับพวงมาลัยต่ออาจจะลื่นทำให้ควบคุมพวงมาลัยรถได้ไม่เต็มที่
.
2.รัสเซีย : รถที่เลอะโคลนห้ามขับเข้ารัสเซีย
.
หากคุณบึ่งรถเข้ารัสเซียในสภาพที่เลอะเทอะไปด้วยโคลนงแต่ล้อจนถึงตัวรถ คุณจะโดนคุณตำรวจรัสเซียปรับเป็นเงินถึง 2,000 รูเบิ้ล!!! ซึ่งเดากันเล่นว่า น่าจะเป็นเพราะเรื่องของความปลอดภัยในการขับขี่ของรถราบนท้องถนนนี่แหละที่เป็นสาเหตุของกฏหมายข้อนี้ เพราะหากเศษดินเศษโคลนจากรถของคุณกระเด็นหรือหลุดตกพื้นถนน อาจทำให้ถนนลื่น เสี่ยงที่รถคันอื่นๆ จะเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุได้ หรือโคลนอาจจะเลอะไปจนถึงป้ายทะเบียนหากรถคันนั้นสร้างอาชญกรรมขึ้นอาจจะไม่สามารถสืบค้นทะเบียนรถได้นั่นเอง
.
3.สวีเดน เดนมาร์ค นอร์เวย์ : ขับรถต้องเปิดไฟหน้าตลอดเวลา
.
ผู้ขับรถยนต์ในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียน (สวีเดน เดนมาร์ค นอร์เวย์) ต้องเปิดไฟหน้ารถตลอดเวลาตั้งแต่สตาร์ทเครื่องไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน จะหน้าร้อนหรือหน้าหนาวหิมะตก ใครไม่เปิดได้เจอใบสั่งคุณผู้หมวดแน่ ดังนั้น รถยนต์ยี่ห้อวอลโว่ที่ผลิตในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียนทั้งหมดจึงมีระบบไฟอัตโนมัติ สตาร์เครื่องปุ๊บไฟหน้ารถสว่างปั๊บ ที่ต้องเข้มงวดกันแบบนี้ ก็เดา(อีกแล้ว)ว่าเป็นเรื่องของความปลอดภัยในการขับขี่ เนื่องจากประเทศในแถบเมืองหนาว ในฤดูหนาวหิมะตก ทัศนวิสัยในการขับขี่ค่อนข้างต่ำ ทำให้มองเห็นได้ในระยะไม่ไกลมาก
.
4.เยอรมนี : ขับรถทางหลวงน้ำมันหมดเจอห้ามขับรถ 6 เดือน
.
ถึงแม้ว่าทางหลวงที่เยอรมัน ผู้ขับรถยนต์จะสามารถทำความเร็วได้โดยไม่ต้องระวังว่าจะเจอข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด แต่ถ้าคุณขับรถบนทางหลวงแล้วเกิดน้ำมันหมดกลางทาง คุณมีสิทธิ์เจอใบสั่งห้ามขับรถนาน 6 เดือนหรือต้องเข้าไปนอนในคุกนาน 5 ปีได้ นั่นเพราะว่า บนทางหลวงรถยนต์แต่ละคันจะขับเร็วมาก ซึ่งหากมีรถคันใดคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่บนถนน อาจทำให้รถที่ขับตามหลังมาชนเข้าอย่างจัง กลางเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ควรจะเกิดได้
.
5.คอสตาริก้า : แอลกอฮอลล์ในเลือดเกิน 0.75มิลลิกรัม% ห้ามขับรถ
.
เมาไม่ขับของที่คอสตาริก้าดูจะเป็นประเทศที่เข้มข้นเอามากๆ เพราะหากพี่หมวดตรวจพบแอลกอฮอลล์ในเลือดเกินกว่า 0.75% (กฏหมายไทยระบุไม่เกิน 30มิลกรัมเปอร์เซ็นต์) มีสิทธิ์โดนจับ สั่งปรับ สั่งแบนห้ามขับรถกันเลยทีเดียว แหม ถ้าเข้มขนาดนี้ แนะนำว่า ดื่มอยู่กับบ้านดีกว่า
.
6.เดนมาร์ค : ห้ามสตาร์ทรถขณะที่มีคนอยู่ใต้ท้องรถ
.
ถ้าคุณไปเดนมาร์ค คุณอาจเห็นภาพคนขับรถที่ต้องก้มๆ มองๆ รอบรถจนแน่ใจแล้วก่อนที่จะขึ้นรถแล้วสตาร์ทรถออกไปทุกครั้ง นั่นเพราะ ที่เดนมาร์คเขามีกฏหมายเข้มกับเรื่องความปลอดภัยมากหากคุณสตาร์ทรถโดยที่ยังมีใครหรือสัตว์อยู่ใต้ท้องรถถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
.
7.สเปน : จอดรถผิดวันเจอใบสั่ง
.
ถ้าคุณขับรถที่สเปน ต้องจำวันที่ให้แม่น มิฉะนั้นถ้าคุณเผลอจอดรถผิดฝั่งมีสิทธิ์เจอใบสั่งได้ง่ายๆ เพราะที่สเปนมีกฏจราจรอยู่ว่า วันคู่ ให้จอดรถฝั่งบ้านเลขที่ที่เป็นเลขคู่ วันคี่ก็ต้องไปจอดหน้าบ้านที่เลขที่บ้านเป็นเลขคี่ หากจอดสลับวันกันคุณตำรวจจะเอาใบสั่งมาเหน็บไว้ที่หน้ารถ
.
8.ฟิลิปปินส์ : วันจันทร์ รถยนต์บางคันห้ามจอดในมะนิลา
.
ที่ฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในมะนิลา ซึ่งเป็นเมืองหลวง คนเยอะ รถแยะ การจราจรคับคั่งไม่แพ้แบงค็อคไทยแลนด์ของเรา จึงมีการแก้ปัญหาลดความหนาแน่นของรถยนต์ด้วยการกำหนดให้วันจันทร์เป็นวันที่ห้ามรถยนต์ที่มีเลขทะเบียนที่ลงท้ายด้วยตัวเลข 1 หรือ 2 ห้ามจอดในมะนิลา ไม่อย่างนั้นพี่หมวดสุดหล่อจะยื่นใบสั่งให้คุณแน่
.
9.สิงคโปร์ : ห้ามขับรถใกล้คนข้ามถนนมากว่า 50 เมตร
.
เจ้าของรถยนต์ในสิงคโปร์ทราบกันว่า หากต้องจอดรถติดไฟแดงเมื่อไหร่ ต้องจอดในระยะที่ห่างจากคนข้ามถนนไม่น้อยกว่า 50% ไม่อย่างนั้นแล้วจะถือว่าคุณกำลังทำผิดกฏจราจรอยู่นะคะ ซึ่งกฏฯ ดังกล่าวนี้ออกมาเพื่อปกป้องความปลอดภัยให้กับคนที่สัญจรด้วยการเดินเท้า ป้องกันอุบัติแหตุ เพราะค่ารักษาพยาบาลที่สิงคโปร์นั้นแพงมาก
.
10.ลอนดอน : เจ้าของรถแท็กซี่ต้องมีก้อนฟางติดรถเสมอ
.
ถ้าคุณไปเปิดสมุดคู่มือกฏจราจรที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ คุณจะต้องงุนงงสงสัยกับกฏข้อหนึ่งที่ระบุว่า เจ้าของรถแท็กซี่ทุกคันจะต้องมีก้อนฟางติดรถเสมอ มูลเหตุของเรื่องนี้มาจากยุคแรกเริ่มของแท็กซี่ในลอนดอนที่ใช้รถลากด้วยม้าเป็นพาหนะ เจ้าของรถม้าจึงจำเป็นต้องมีก้อนฟางสำหรับให้ม้ากินไว้ติดรถเสมอ ป้องกันเจ้าม้าหิวจนตาลายแล้วไปแอบกินผักผลไม้จากข้างทางนั่นเอง แต่หลังจากหมดยุครุ่งเรืองของรถม้า กฏหมายข้อที่ว่านี้ก็ยังคงถูกระบุไว้ในคู่มือกฏจราจรของชาวลอนดอนอยู่ดี
.
