หนังสือลึกลับที่สุดในโลก Voynich Manuscript ถูกถอดรหัสได้แล้วโดย AI

หนังสือ Voynich Manuscript ถูกเรียกว่าเป็นหนังสือที่ลึกลับที่สุดในโลก เพราะเกือบ 600 ปีที่หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นมายังไม่มีใครสามารถแปลความหมายของสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือได้เลยแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นนักประวัติศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณ หรือแม้กระทั่งนักถอดรหัสผู้เคยถอดรหัสลับนาซียังต้องยอมแพ้

แต่ตอนนี้สองนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากแคนาดาบอกว่าพวกเขาทำได้แล้ว โดยใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่พวกเขาพัฒนาขึ้นเองอ่านหนังสือลึกลับเล่มนี้ ทำให้รู้แล้วว่ามันถูกเขียนด้วยภาษาใด

.

หนังสือเล่มนี้มีขนาด 6 x 9 นิ้ว เดิมมี 272 หน้าปัจจุบันหลงเหลือเพียง 240 หน้า ถูกเขียนด้วยปากกาขนนก แต่ละหน้าประกอบด้วยข้อความและภาพประกอบที่มีการระบายสีหยาบๆ หนังสือได้รับการตั้งชื่อตาม Wilfrid Voynich พ่อค้าหนังสือชาวโปแลนด์ที่ได้รับหนังสือมาเมื่อปี 1912 ตัวหนังสือได้ถูกตรวจหาอายุด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสีพบว่ามีอายุราว 600 ปี หรือย้อนหลังถึงราวต้นศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเยล สหรัฐอเมริกา

.

ตัวเนื้อหาในหนังสือหากดูจากภาพประกอบจะมี 5 หัวข้อได้แก่ พฤกษศาสตร์ ดาราศาสตร์ ชีววิทยา เภสัชศาสตร์ และสูตรยา แต่ตัวอักษรที่บันทึกไว้เป็นตัวอักษรที่ไม่เคยพบเห็นในที่ใดในโลกมาก่อน ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมามีสมมุติฐานถูกเสนอขึ้นมามากมายเกี่ยวกับตัวอักษรในหนังสือและการถอดรหัส พร้อมกับการโต้เถียงทางวิชาการเรื่อยมาแต่ไม่มีข้อสรุปใดๆ มันจึงเป็นหนังสือลึกลับที่สุดในโลกตลอดมา

.

Greg Kondrak และ Bradley Hauer สองนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Alberta ที่แคนาดา ได้พัฒนา AI ที่เรียนรู้ภาษาต่างๆหลายร้อยภาษา การทดสอบความสามารถทางภาษาของ AI โดยให้แปลปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเป็นภาษาต่างๆ 380 ภาษา ผลปรากฏว่ามันแปลได้ถูกต้อง 97% ทีมวิจัยใช้ AI อ่านและถอดรหัสในหนังสือ Voynich Manuscript ที่ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันน่าจะถูกเขียนด้วยภาษาอารบิก แต่ AI สรุปว่าภาษาที่เป็นไปได้มากที่สุดคือภาษาฮิบรู

.

“มันน่าประหลาดใจ” Kondrak กล่าว “และที่บอกว่า ‘นี่เป็นภาษฮิบรู’ เป็นแค่ขั้นแรก ขั้นต่อไปคือเราจะแปลความหมายมันได้อย่างไร”

จากสมมุติฐานที่ว่าข้อความในหนังสือถูกเข้ารหัสไว้ด้วยการจัดเรียงลำดับตัวอักษรในคำเสียใหม่และอาจลดสระไปบางตัว ทีมวิจัยจึงได้พัฒนาอัลกอริทึมที่สามารถถอดรหัสและแปลความหมายได้ จากความพยายามถอดรหัส 10 หน้าแรกได้ผลออกมาว่า 80% ของคำทั้งหมดมีอยู่ในพจนานุกรมภาษาฮิบรู แต่พวกเขาไม่สามารถแปลความหมาย

.

หลังจากไม่สามารถหาผู้เชี่ยวชาญภาษาฮิบรูมาช่วยได้ พวกเขาเลยหันไปใช้ Google Translate (โปรแกรมแปลภาษาของกูเกิล) ซึ่งก็ช่วยได้พอสมควร ในบทที่เกี่ยวกับสมุนไพรซึ่งมีรูปของต้นไม้หลายชนิด ปรากฏคำที่เกีี่ยวของกับพฤกษศาสตร์หลายคำในภาษาฮิบรู ได้แก่ เกษตรกร แสง อากาศ และไฟ ทำให้นักวิจัยทั้งสองตั้งสมมุติฐานว่าบันทึกนี้อาจเป็นคู่มือสมุนไพรของยุคกลาง

.

และในข้อความเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้เมื่อแปลออกมาแล้วได้ความว่า “หล่อนให้คำแนะนำแก่นักบวช ผู้ชายของบ้านหลังนั้น ฉัน และผู้คนทั่วไป” อย่างไรก็ตามทั้งหมดนั้นยังคงห่างไกลกับการแปลความหมายอย่างชัดแจ้ง และนักวิจัยก็ได้สรุปเกี่ยวกับการศึกษาในเรื่องนี้ไว้อย่างเหมาะสมว่าผลลัพธ์ที่ได้สามารถตีความได้ว่ามีร่องรอยของภาษาฮิบรูที่อาจเป็นภาษาต้นฉบับของหนังสือ Voynich Manuscript และพวกเขามีแผนที่จะปรับปรุงอัลกอริทึมให้ดีขึ้นและหวังจะได้ใช้กับบันทึกโบราณอื่นๆอีก

.

ที่มา : folio.ca, newatlas | takieng