10 อาวุธยุคโบราณหน้าตาแปลกๆ แต่แฝงด้วยอันตรายแบบเต็มสูบ!?

หนึ่งในเครื่องมื่อที่ใช้วัดความก้าวหน้าของมวลมนุษยชาติ นั่นคือความก้าวหน้าของอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่เราคิดค้นและสร้างมันขึ้นมาทั้งเพื่อป้องกันตัวและใช้ห้ำหั่นกันเอง ซึ่งนี่เองที่ทำให้โลกใบนี้มีเครื่องมือที่ใช้ฆ่าฟันกันถูกสร้างขึ้นมานับชิ้นไม่ถ้วน แถมในจำนวนนั้นยังมีอาวุธบางชิ้นที่ไม่เพียงจะออกมาแบบมาจนดูแปลกตาไม่ซ้ำใคร แต่ยังถูกใช้งานในรูปแบบที่อันตรายเหลือเชื่อ!?

.

1. Mere Club

.

ลืมไม้เบสบอลไปได้เลย เพราะนี่คืออาวุธที่เคยถูกใช้โดยชนเผ่าเมาลีในนิวซีแลนด์ ซึ่งทำมาจากทำมาจากหยกเนไฟรต์ ซึ่งเป็นหินที่มีแร่เหล็กปะปนอยู่เป็นจำนวนมากจนทำให้มันมีสีเขียวที่เชื่อว่ามันเป็นอาวุธที่มีพลังวิเศษแฝงอยู่ จึงมักถูกใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของผู้นำเท่านั้น และใช้กระแทกศัตรูให้กระเด็น แต่ดูเหมือนมันจะไม่แข็งแรงพอจะใช้เหวี่ยงเพื่อโจมตีเป้าหมายได้ เพราะชนเผ่าเหล่านั้นเชื่อว่า…ใครทำให้กระบองชิ้นนี้หัก จะเป็นการนำหายนะมาสู่ตนเอง

.

2. Hook Swords

.

แฟนๆ ภาพยนตร์จีนน่าจะเคยเห็นอาวุธชิ้นนี้ผ่านตามาบ้างไม่มากก็น้อย และแน่นอนว่าเบื้องหลังความงามสุดแปลกตาของมันนั้น นั่นคือพลังทำลายล้างที่สามารถใช้เป็นทั้งตะขอเกี่ยวศัตรู คมดาบสำหรับฟาดฟัน หอกสั้นสำหรับจ้วงแทง และสันเหล็กทรงจันทร์เสี้ยวที่ใช้เพื่อการป้องกันตัว จนเรียกได้ว่ามันเป็นอาวุธที่ครบเครื่องด้านการใช้งานมาก แต่ขณะเดียวกัน…ผู้ใช้ก็ต้องมีฝีมือมากพอจะใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

.

3. Kpinga

.

เมื่อพูดถึงอุปกรณ์ที่รับมือกับดาบได้ดีที่สุดก็คงต้องยกให้บรรดาโล่รูปแบบต่างๆ นี่แหละที่ทำให้อาวุธอันตรายประเภทนี้สิ้นท่าได้ในพริบตา แต่เครื่องป้องกันชิ้นนี้ก็ต้องหมดประโยชน์เช่นกันเมื่อเจอกับอาวุธชนิดนี้ของชนเผ่าเเซนเด ในแอฟริกา ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนดาบ 3 คมรูปทรงตลกๆ ที่ไม่เพียงจะมีเอาไว้ฟาดฟันเท่านั้น แต่ยังถูกออกมาแบบมาเพื่อฟาดใส่ส่วนบนของโล่ และส่วนที่ยื่นชิ่งข้ามลงไปแทงหัว หัวไหล่ และข้อมือของศัตรูได้

.

4. Macuahuitl

.

แม้อาวุธที่ทำจากไม้จะดูไม่น่ากลัวนัก แต่เครื่องมือของชาวแอซแทคนี้ไม่เพียงจะถูกสร้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของผู้กล้าเท่านั้น แต่กระบองไม้ที่มีรูปร่างแบนกว้างและเสริมขอบคมด้วยเหล็กชิ้นนี้ ยังถูกออกแบบมาให้เหวี่ยงได้อย่างเหมาะมือมาก และสามารถโจมตีศัตรูในวงกว้างได้ แถมถ้าผู้ใช้ชำนาญพอ…เขาสามารถใช้มันตัดคอม้าให้ขาดในครั้งเดียวได้

.

5. Scissor

.

หนึ่งในอาวุธที่วิวัฒนาการมาพร้อมๆ กับสังเวียนนักสู้กลาดิเอเตอร์ของอาณาจักรโรมัน เมื่อผู้คนเริ่มคิดค้นวิธีที่จะทำให้เขาสามารถสู้และป้องกันตัวได้ด้วยอาวุธชิ้นด้วย และนั้นทำให้เกิดปอกแขนเหล็กที่มีปลายเป็นใบมีดคมๆ ที่สามารถใช้เหวี่ยงเพื่อฟาดฟันคู่ต่อสู้ และยกมันขึ้นมาใช้ป้องกันแทนเกราะแขนได้

.

6. Chakram

.

แม้รูปร่างที่ดูเรียบง่ายจนไม่น่ามีพิษภัยอะไร แต่นี่คืออาวุธที่เคยใช้ในสงครามของประเทศเมื่อครั้งอดีต เพราะนอกจากจะใช้จับที่ขอบด้านในเพื่อให้ขอบคมๆ ด้านนอกทำหน้าที่ฟาดฟันแทนดาบแล้ว มันยังสามารถใช้ร่อนใส่ศัตรูในระยะไกลได้อีกต่างหาก แต่ด้านความแม่นยำดูจะคาดหวังความเสียหายยาก แถมยังต้องมีทักษะการใช้งานที่สูงพอตัว เพื่อไม่ให้ผู้ใช้เจ็บตัวซะเอง ทำให้อาวุธชิ้นนี้ไม่ได้รับความนิยมมากนัก

.

7. Chu Ko Nu

.

เรียกว่าเป็นปืนออโตเมติกยุคแรกเริ่มก็คงไม่ผิด เพราะมันคือหน้าไม้สมัยใหม่ของจีนที่ออกแบบมาให้ยิงแบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องเสียเวลาใส่กระสุนเอง และแม้ว่าจะมีระยะการยิงที่สั้นมาก และไม่มีความรุนแรงสักเท่าไหร่ แถมยังสามารถบรรจุลูกดอกได้เพียง 10 ลูกเท่านั้น แต่อาวุธชนิดนี้ก็ถูกใช้มาจนถึงปี 1855 ในสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น โดยมีการปรับแต่งให้กระสุนเป็นแบบเคลือบยาพิษ และสามารถยิงลูกดอกได้เร็วถึง 10 นัดในเวลา 15 วินาที

.

8. Nest of Bees

.

เรียกว่าเป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดของ Chu Ko Nu ที่ถูกคิดค้นใหม่ให้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายรังผึ้งตามชื่อของมัน และสามารถบรรจุลูกธนูลงไปได้ถึง 32 ดอก แถมยังสามารถยิงมันออกไปพร้อมกันได้อีกต่างหาก ซึ่งเหมาะสำหรับการโจมตีศัตรูที่มาพร้อมกันเป็นกลุ่มหนาแน่น และถูกนำมาใช้เพื่อการป้องกันกำแพง หรือใช้โจมตีจากแนวหลัง

.

9. Katar

.

ใครเล่นเกมแนว RPG คงจะคุ้นเคยกับอาวุธที่มีชื่อและหน้าตาแบบนี้เป็นอย่างดี เพราะนี่คืออาวุธหน้าตาเท่ๆ จากประเทศอินเดียที่มีรูปร่างเป็นใบมีดขนาดใหญ่ ซึ่งออกแบบมาเพื่อฟัน แทง และปัดป้องการโจมตีจากอาวุธระยะประชิดของคู่ต่อสู้ได้เกือบทุกรูปแบบ แต่ก็เช่นเดียวกับอาวุธโบราณหลายชิ้นที่ต้องการทักษะในการใช้งานสูงมาก ทั้งยังเหมาะกับการต่อสู้แบบตัวต่อตัวมากกว่า จึงทำให้อาวุธชิ้นนี้ถูกใช้ในภารกิจลอบสังหาร และการโจมตีแบบกองโจรมากกว่าจะใช้ในศึกสงครามที่ต้องเผชิญกับศัตรูจำนวนมาก

.

10. Zhua

.

เช่นเดียวกับหอก ทวน และง้าวของจีนที่ออกแบบมาให้สามารถสร้างความเสียหายกับศัตรูในระยะห่างได้ แต่เนื่องจากรูปแบบการทำลายล้างที่ค่อนข้างตายตัวของอาวุธเหล่านั้นทำให้ถูกสกัดกั้นด้วยโล่และชุดเกราะที่พัฒนามาใหม่ได้อย่างง่ายดาย และนั่นทำให้เกิดอาวุธชิ้นใหม่ที่ปลายคล้ายกงเล็บเหล็กที่ออกแบบมาเพื่องัดโล่ให้หลุดจากมือ ฉีกเกราะแบบบางให้ขาดกระจุย และกระชากข้าศึกให้ตกจากหลังม้า ซึ่งต้องยอมรับว่ามันทำงานของมันได้ดีทีเดียว แต่ก็ไม่เท่าอาวุธสามชนิดแรกที่กล่าวมาอยู่ดี จึงมีการออกแบบใหม่ให้มันกลายเป็นอาวุธแบบขว้างเพื่อยึดจับเป้าหมาย และอุปกรณ์ช่วยปีนป่ายแทน

.

ที่มา : listverse.com , spokedark