7 ประเพณีชวนอึ้งในอดีต ที่ดูจะเข้ากันไม่ได้เลยกับยุคสมัยนี้

วัฒนธรรมที่ถูกสร้างจากความเชื่อก็มักจะถูกคิดมาด้วยวิธีแปลกๆ แต่ผู้คนในสมัยนั้นก็ยังเชื่อว่า มันคือความคิดที่ดีที่สุด แต่เมื่อยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนไปความคิดต่างๆก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ดั่งเช่นประเพณีทั้ง 7 ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงและก็ยังไม่ถูกยอมรับในสมัยปัจจุบันอีกด้วย

.

7. การประหารชีวิตด้วยช้าง

tradition-strange-01

.

ช้างถูกใช้เหมือนอาวุธสงครามที่เอาไว้จัดการนักโทษที่ต้องการจะประหารชีวิต ซึ่งมันเริ่มถูกใช้มาในโลกตะวันตก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะในประเทศอินเดีย และยังคงนิยมใช้วิธีนี้ไปเรื่อยๆ จนมาถึงช่วยศตวรรษที่ 19 เมื่ออังกฤษเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นการประหารชีวิตด้วยวิธีนี้ก็เริ่มน้อยลง จากภาพก็จะเห็นแล้วว่ามันดูทารุณขนาดไหน…

.

6. คว้านท้อง

tradition-strange-02

.

ในสายตาของคนภายนอก นี่คงเป็นวิธีการทรมานตัวเองของชาวญี่ปุ่นที่สยดสยองพอสมควร แต่กับชาวญี่ปุ่นเองแล้ว นี่คือพิธีกรรมที่มีเกียรติสูงสุดของชนชั้นสูง

.

5. ค่านิยมทาฟันดำ

tradition-strange-03

.

ค่านิยมความงามของสาวญี่ปุ่นในช่วงยุค คศ.794 – 1185 ผู้หญิงมักจะคิดว่าการเอาสีดำมาทาฟัน จะทำให้หน้าตาดูมีมิติน่ามองมากขึ้น เพราะเมื่อฟันดำแล้วมันก็จะไปตัดกับหน้าขาวๆ แล้วก็ปากแดงๆ นั่นเอง

.

4. บูชายัญมนุษย์

tradition-strange-04

.

การบูชายัญมนุษย์ก็ยังแอบมีให้เห็นประปรายบางในบางสังคม เพราะเชื่อว่าวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตจากการบูชายัญ มักจะคอยให้ความช่วยเหลือได้ และก็จะได้มอบวิญญาณให้กับเทพเจ้า

.

3. แต่งหน้าด้วยมูลจระเข้

tradition-strange-05

.

มันอาจจะไม่ใช้การแต่งหน้าไปเลยซะทีเดียว เพราะในช่วงยุคโรมันคนส่วนใหญ่มักมีผิวสีน้ำผึ้งหรืออกไปทางน้ำตาลๆ วิธีที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นมาก็ต้องมูลจระเข้มาผสมกับสารตะกั่วสีขาว ผงชอล์ก เพื่อทำให้ผิวดูขาวสว่างมากยิ่งขึ้น แต่ส่วนใหญ่วิธีนี้จะทำแค่ในเฉพาะผู้หญิงที่มีฐานะร่ำรวยเท่านั้น เพราะส่วนผสมแต่ละอย่างมีราคาสูงมาก

.

2. ขันที

tradition-strange-06

.

จะว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสารของขันทีเลยก็ว่าได้นะ ในประเทศจีน สมัยโบราณ ผู้ชายคนใดถูกคัดเลือกให้เป็นขันทีของพระราชาจะต้องถูกตัด “อัณฑะ” ออกเพื่อทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ อีกทั้งยังห้ามแต่งงานหรือแม้แต่จะยุ่งกับผู้หญิง

.

1. ฮาเร็ม (Haram)

tradition-strange-07

.

ความจริง Haram ตามภาษาอาหรับหมายถึง “สถานที่ต้องห้าม” ที่ผู้ชายไม่สามารถเข้าไปได้ เว้นแต่พระราชาที่จะเป็นคนอยู่ในนั้นได้ ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าข้างในนั้นเขาทำอะไรกันบ้าง จะมีก็แต่เพียงการสันนิษฐานเท่านั้น

.

ที่มา : clipmass