โลโก้สินค้าชื่อดังเหล่านี้ มีที่มาและความหมาย ที่เจ๋งมาก

ไม่ว่าจะไปที่ไหน เราก็มักจะเจอสินค้าแบรนด์ดังระดับโลก เราเห็นสินค้าพวกนี้ในโฆษณาทางทีวี ในบิลบอร์ดเวลาเราเดินทางไปทำงาน แล้วก็เห็นบนเสื้อเชิ้ตด้วย แต่เราไม่รู้ความหมายที่ซ่อนอยู่ในโลโก้พวกนี้กันเลย

วันนี้เราก็จะมาอธิบายและแสดงให้เห็นว่าโลโก้ของแบรนด์ดังน่ะมันหมายความว่าอะไรยังไงกันแน่!

.

1. McDonald’s

.

ดีไซเนอร์ของแมคโดนัลด์สาขาแรกได้ไอเดียโลโก้เป็นรูปตึกที่มีส่วนโค้งใหญ่ ๆ สีทอง และโลโก้นี้ก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของอาหารฟาสต์ฟู้ด ต่อมาภายหลัง ทางบริษัทอยากจะเปลี่ยนโลโก้ แต่นักจิตวิทยาชื่อ Louis Cheskin โน้มน้าวให้พวกเขาเอาโลโก้นี้ไว้ เขาบอกว่าโลโก้นี้ถ้ากลับหัวแล้วจะดูเหมือนรูปหน้าอกผู้หญิง ซึ่งทำให้คนที่เห็นคิดถึงช่วงเวลาในวัยเด็กที่ไร้ความกังวลใด ๆ

.

2. Chanel

.

เรื่องราวของการคิดโลโก้นี้เป็นเรื่องที่พิเศษและโรแมนติกมาก Coco Chanel วาดโลโก้นี้เองตอนที่เธออยู่ที่ปราสาท Château Crémat ในเมืองนิส ตามตำนานที่แพร่หลายบอกว่า โลโก้นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหลังคาโค้งของปราสาทนี้ หลายคนบอกว่าตัวอักษร “CC” เป็นทั้งอักษรขึ้นต้นของชื่อปราสาทและชื่อของโคโคด้วย

.

3. Google

.

โลโก้ Google มี 3 สี คือ แดง เหลือง และเขียว เราอาจจะเห็นว่าโลโก้นี้เป็นการสร้างจากอัลกอริทึ่มที่เจาะจง แต่ตัวอักษรสีเขียวนั้นเป็นหลุดออกจากกรอบความคิดนั้น เห็นได้ชัดว่ามันหมายความว่านี่คือตัวอักษรที่สำคัญที่สุดในโลก จากการใช้สีเขียวเข้ามานี้ ดูเหมือนดีไซเนอร์จะสื่อว่า Google คือการออกนอกกรอบความคิดเดิม ๆ และจะไม่เล่นตามกฎเกณฑ์ทั่วไป

.

4. Gillette

.

ดูเผิน ๆ อาจจะเห็นว่าโลโก้นี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าชื่อแบรนด์ Gillette แต่ถ้าดูดี ๆ จะเห็นว่าตรงอักษร G และ I มีรูปคล้าย ๆ กับใบมีดโกนหนวดอยู่

.

5. Mitsubishi

.

พื้นฐานของโลโก้นี้มาจาตราประจำครอบครัว Iwasak ผู้ก่อตั้งบริษัทมิตซูบิชิ ตรานี้ประกอบด้วยเพชร 3 อันวางต่อกัน เพชรเหล่านี้แสดงถึงความน่าเชื่อถือ ความซื่อสัตย์ และความสำเร็จ ส่วนสีแดงแสดงถึงความมั่นใจ นอกจากนี้ชาวญี่ปุ่นยังเชื่อว่าสีแดงช่วยดึงดูดลูกค้าได้

.

6. Goodwill

.

Goodwill เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่รับบริจาคอาหาร เสื้อผ้า และของใช้จำเป็นให้กับผู้ยากจน พนักงานขององค์กรนี้เชื่อว่าการทำความดีไม่ใช่การทำอะไรที่ไม่ธรรมดา แต่เป็นการทำไปตามปกติเหมือนเราทำกิจวัตรประจำวัน โลโก้ขององค์กรก็เลยมีรูปตัว G ที่ดูไกล ๆ แล้วเหมือนใบหน้ายิ้ม

.

7. FedEx

.
หลายคนมองรูปลูกศรที่อยู่ระหว่างตัว E กับตัว X ไม่ออกในตอนแรก แต่เมื่อเราเห็นมันแล้ว หลังจากนั้นรูปลูกษรนี้จะเป็นสิ่งแรกที่เราสังเกตเห็นได้จากโลโก้เลย! ซึ่งนั่นเป็นจุดประสงค์ของดีไซเนอร์ รูปลูกศรจะเข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึกของลูกค้า มันแสดงให้เห็นถึงความรวดเร็วและความน่าเชื่อถือของบริษัท

.

8. Nike

.

นักศึกษาชื่อ Carolyn Davidson ได้ค่าออกแบบโลโก้ไปแค่ 35 ดอลลาร์ในปี 1975 แน่นอนว่าสัญลักษณ์นี้มาจากปีกของเทพีไนกี้ซึ่งเป็นเทพีแห่งชัยชนะ

.

9. Pepsi

.

ในช่วงเทศกาล All Saints Day (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Day of the Dead) ในเม็กซิโก Pepsi เคยใช้โลโก้แบบกลับหัว ลูกค้าส่วนใหญ่คิดว่าคงเป็นความผิดพลาดในส่วนของการผลิต แต่ก็มีคนเห็นว่าพอกลับหัวโลโก้แล้ว มันอ่านได้ว่า “isded” ซึ่งคล้ายกับคำว่า “is dead” นั่นเอง!

.

10. Le Tour de France

.

ถึงเราจะเคยเห็นโลโก้นี้ในการแข่งขันตูร์เดอฟร็องส์มาหลายครั้งมากแล้ว แต่เราก็อาจจะไม่ทันสังเกตรูปคนปั่นจักรยานในโลโก้ ลองดูให้ชัด ๆ แล้วจะเห็นว่าตัว R คือรูปคนปั่นจักรยาน ส่วนพระอาทิตย์ก็เป็นล้อรถจักรยานนั่นเอง!

.

ที่มา : brightside | kidjarak