ความจริงเกี่ยวกับ ‘ชาวโรมันโบราณ’ ที่ครูประวัติศาสตร์เราไม่เคยสอน

ถ้าพูดถึงยุคโรมันโบราณ หลายๆ คนต้องนึกไปถึงเรื่องของนักปรัชญา นักรบกลาดิเอเตอร์ และสงครามการต่อสู้ แต่จริงๆ แล้วในรายละเอียดปลีกย่อย ยังมีเรื่องราวน่าสนใจอีกมากมาย ที่คุณไม่เคยได้เรียนรู้ในวิชาประวัติศาสตร์มาก่อน แต่วันนี้เราจะขอถือโอกาสพามาชมความจริงเหล่านั้นกัน

.

1. ชาวโรมันดื่มเลือดของนักรบกลาดิเอเตอร์

.

ชาวโรมันมีความเชื่อในเรื่องของการดื่มเลือดของนักรบกลาดิเอเตอร์ที่ถูกสังหาร พวกเขาเชื่อว่าพิธีกรรมนี้จะช่วยให้ตนเองมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ดังนั้นเลือดของนักรบที่เสียชีวิตแล้วจะถูกเก็บเอาไว้หลังจากการต่อสู้ และถูกขายมาเป็นยาบำรุงกำลัง รวมไปถึงการนำมาใช้รักษาโรคลมชักอีกด้วย

.

2. ชาวโรมันไม่ได้ตายตั้งแต่ยังหนุ่ม

.

ถึงแม้ว่าอายุขัยโดยเฉลี่ยของชาวโรมันโบราณจะอยู่เพียงแค่ 25 ปี แต่ชาวโรมันหลายคนก็อาศัยอยู่จนกระทั่งแก่เฒ่า ส่วนเหตุผลที่ทำให้ค่าเฉลี่ยอายุเหลือเพียงแค่ 25 ปี เป็นผลมาจากอัตราการตายของหญิงสาวระหว่างคลอดลูกที่สูงมากจนน่าใจหาย ถ้าตัดเรื่องนี้ออกไป อายุขัยของชาวโรมันก็ไม่แตกต่างจากปัจจุบันนี้เท่าไหร่นัก

.

3. หนึ่งชั่วโมงของชาวโรมันไม่เท่ากัน

.

ใน 1 ชั่วโมงของชาวโรมันจะแตกต่างกัน อย่างเช่น 1 ชั่วโมงในฤดูร้อนจะยาวนานถึง 75 นาที ส่วนในฤดูหนาวจะเหลือเพียง 44 นาที นั่นเป็นเพราะการจับเวลาส่วนใหญ่ของพวกเขาขึ้นอยู่กับดวงอาทิตย์ โดยตอนกลางวันจะเริ่มนับจากดวงอาทิตย์ขึ้นเป็นเวลา 12 ชั่วโมง และตอนกลางคืนจะนับจากดวงอาทิตย์ตกเป็นเวลา 12 ชั่วโมง

.

4. ผู้ร่ำรวยเท่านั้นที่จะใส่สีม่วงได้

.

ชาวโรมันมักจะตัดสินผู้คนจากภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีที่พวกเขาใช้แต่งตัว ได้แก่ โทนสี น้ำตาล-เหลือง และ เทา-ดำ ที่เป็นสีขนแกะตามธรรมชาติ พวกคนเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความยากจน ส่วนโทนสีแดง, ม่วง และเขียว ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยสีเทียมนำเข้าที่มีราคาแพง โดยโทนสีเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของคนรวยและบรรดาขุนนาง โดยเฉพาะเสื้อผ้าสีม่วงจะดูสูงส่งมากๆ ในยุคนั้น

.

5. คิ้วต่อกันเป็นสัญลักษณ์ของความฉลาด

.

คิ้วหนาๆ เชื่อมต่อกัน เป็นสิ่งโปรดปรานมากสำหรับผู้หญิงในยุคนั้น ซึ่งมันถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีปัญญาสูง หญิงชาวโรมันในอดีตจะใช้วิธีมากมายในการทำให้คิ้วของพวกเธอหนาและเข้มขึ้น เช่น การใช้คิ้วเทียมที่ทำจากขนแพะ

.

6. การทำทันตกรรม ได้รับความนิยมสูง

.

ชาวโรมันโบราณเป็นคนที่ดูแลเรื่องฟันของพวกเขา ดังนั้นหมอฟันจึงเป็นบุคคลที่เป็นที่ต้องการมากๆ นักโบราณคดีเคยขุดพบกรามของหญิงสาวที่มีฟันปลอมติดอยู่ โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า อุปกรณ์ทำฟันโบราณอย่างฟันปลอมหรือเหล็กดัดฟัน ถูกใช้เป็นวัตถุแสดงความมั่งคั่ง มากกว่าจะเป็นเหตุผลเรื่องของทันตกรรม โดยเฉพาะคนรวยเรามักจะเห็นเซ็ตอุปกรณ์ทำฟันเต็มพิกัด

.

7. ชาวโรมันไม่ชอบนักปรัชญา

.

นักปรัชญาที่โดดเด่นอย่างเซเนกา หรือ มาคัส ออเรเลียส เกิดในสมัยอาณาจักรโรมัน แต่ชาวโรมันจำนวนมากมักเกลียดชังนักปรัชญา เพราะพวกเขาเชื่อว่า เรื่องของปรัชญาและการศึกษาโลกภายในจิตใจของมนุษย์เป็นสิ่งไร้ประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และมองนักปรัชญาเหล่านี้ราวกับเป็นคนไร้ค่า

.

8. แม่ทัพจักรวรรดิโรมัน ไม่เคยต่อสู้

.

ในงานศิลปะต่างๆ มักพรรณนาภาพของแม่ทัพจักรวรรดิโรมัน ต่อสู้อยู่ในแนวรบด้านหน้าเคียงข้างกับทหาร แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาจะไม่ต่อสู้เลย แต่จะใช้วิธีสั่งการอยู่ใน “แนวสั่งการ” เพื่อที่จะได้มีมุมมองที่ดีกว่าในการสั่งออกคำสั่ง และถ้ากองทัพใกล้แพ้ บรรดาแม่ทัพถึงจะออกไปให้ศัตรูฆ่าตาย หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายเสียเอง

.

9. วัฒนธรรมการดื่มยาพิษ

.

ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 1 จักรพรรดิโรมันได้ริเริ่มวัฒนธรรมการดื่มสารพิษที่เรารู้จักกันดีในชีวิตประจำวันจำนวนน้อยๆ เพื่อที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง การผสมยาพิษเหล่านี้ถูกเรียกว่า Mithridatism ซึ่งเป็นเกียรติให้กับ Mithridates the Great กษัตริย์แห่งพอนตัส ผู้เป็นคนคิดค้นวิธีการนี้เป็นคนแรก

.

10. ชาวคริสต์ถูกข่มเหงรังแก

.

ชาวโรมันเชื่อว่า พวกเขามีเหตุผลที่ดีพอในการข่มเหงชาวคริสต์ โดยการอ้างว่า อาณาจักรโรมันนับถือความเชื่อแบบ พหุเทวนิยม คือนับถือเทพหลายองค์ แต่ชาวคริสต์มองว่าเทพของพวกเขาเป็นเทพนอกรีตและปฏิเสธการมีอยู่ของเทพเหล่านี้ ดังนั้นชาวโรมันจึงสั่งห้ามเผยแพร่ความเชื่อของคริสเตียน เพื่อที่จะไม่ให้เทพของพวกเขาต้องพิโรธ และถึงแม้ว่าชาวโรมันจะให้โอกาสชาวคริสต์หันมายอมรับเทพของพวกเขาเพื่อไม่ให้โดนเข่นฆ่าทรมาน แต่ชาวคริสต์กลับปฏิเสธที่จะยอมรับ

.

11. อาเจียนในงานเลี้ยง เป็นเรื่องปกติ

.

ชาวโรมันชื่นชอบในการกินแหลก กินทุกอย่าง อิ่มแล้วก็กินไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะในงานเลี้ยงสังสรรค์ และเมื่อพวกเขาอิ่มจนกินอีกไม่ไหว ก็จะอาเจียนออกมา เพื่อให้ตัวเองสามารถกินต่อได้อีกเรื่อยๆ

.

12. ผู้หญิงโรมันรู้จักการย้อมสีผม

.

ผู้หญิงโรมันรู้จักการย้อมสีผมของพวกเธอเอง แต่เดิมที ผู้หญิงที่ย้อมสีผมมักถูกมองเป็นสัญลักษณ์ของโสเภณี จนกระทั่ง เมสซาลินา ภรรยาคนที่สามของจักรพรรดิคลอดิอุส ได้ริเริ่มแฟชั่นวิกสีผม ต่อมาไม่นาน หญิงสาวในโรมก็เริ่มที่จะย้อมสีผมของตัวเองตามเธอ

.

13. ม้าอาจก็เป็นนักการเมืองได้

.

ตามบันทึกของ ซุเอโตนิอุส นักประวัติศาสตร์ชาวโรมันได้กล่าวไว้ว่า อินซิตาตัส คือม้าตัวโปรดของจักรพรรดิคาลิกูลา ที่มีการสร้างอนุเสาวรีย์ที่ทำจากหินอ่อนและงาช้างเพื่อเป็นเกียรติให้กับมัน แถมมันยังกินดีอยู่ดี ได้กินทั้งข้าวโอ๊ตผสมกับทองคำเปลว สวมเสื้อผ้าอย่างดีสีม่วง อานม้าก็ทำจากอัญมณีล้ำค่า แถมจักรพรรดิคาลิกูลายังมีแผนที่จะแต่งตั้งเจ้าอินซิตาตัสเป็นกงสุล และสมาชิกวุฒิสภาอีกด้วย

.

14. ชาวโรมันไม่ใช้สบู่

.

ชาวโรมันอาบน้ำวันละครั้ง แต่ไม่เคยใช้สบู่ พวกเขาขัดถูตัวเองด้วยน้ำมันที่แตกต่างกัน แล้วใช้อุปกรณ์ขูดผิวพิเศษ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย

.

15. ชาวโรมันซักผ้าด้วยวิธีโคตรแปลก

.

ชาวโรมันใช้ฉี่ของมนุษย์ในการซักผ้าของพวกเขา โดยคนงานที่รับหน้าที่นี้จะใส่เสื้อผ้าลงในอ่างที่เต็มไปด้วยฉี่ จากนั้นก็จะมีคนงานปีนเข้าไปในอ่าง และเหยียบย่ำเสื้อผ้าเพื่อชำระล้างคราบสกปรกที่ติดอยู่ให้หลุดไป

.

ที่มา : เพชรมายา